ท่ามกลางกระแสข่าว ‘ล้มดีล’ โผครม. หลังโหวตเลือก นายกฯ เสร็จสิ้น ในการงัดข้อของ ‘ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ’ ในเก้าอี้กระทรวงเกรดเอ โดยเฉพาะ รมว.เกษตรฯ-พาณิชย์ แต่ก็มีการมองว่าเป็นเพียง ‘ข่าวปล่อย’ หรือไม่ เพราะทุกอย่างเสร็จสิ้นตั้งแต่ก่อนโหวตเลือกนายกฯแล้ว แม้แต่เก้าอี้ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่ตอนนี้ยัง ‘ไม่ปิดจ็อบแบบทางการ’ แม้ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เต็งหนึ่ง ก็ยังไม่แสดงท่าทีที่ยืนยันว่าได้เก้าอี้แน่นอนออกมา ส่วนหนึ่งเพราะเป็นมารยาททางการเมืองด้วย ส่วนหนึ่งก็มีการมองว่าเพราะยังไม่มีการเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร อย่างเป็นทางการ เช่นครั้งสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการเชิญอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เพียงการพูดคุยตามปกติ
.
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร เผย ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ โดยยังไม่มีการเทียบเชิญตน พร้อมย้ำว่ายังไม่ถอดใจใดๆ หลังยิ้มกริ่มบอกสื่อว่า ‘ผมแย่แล้ว’ จนทำให้ทหารคนใกล้ชิดและลูกน้องถึงกับตกใจ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงปัจจัยเรื่องสุขภาพ
.
“ผมแย่แล้ว คือไม่สบาย และไม่แข็งแรงเท่าที่ควร” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
เมื่อสื่อถามย้ำว่าสุขภาพไม่แข็งแรงหมายความว่าจะไม่รับตำแหน่งใช่หรือไม่ ซึ่ง ‘บิ๊กป้อม’ ก็ยังคงเลี่ยงตอบว่า “ยังไม่รู้” โดยสื่อพยายามจี้ถาม ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ท่องคาถา ‘ไม่รู้-ไม่ทราบ’ อย่างเดียว จนทำให้สื่อแซวว่า ‘เหนียมอาย-สงวนท่าที’ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ยิ้มแย้มอารมณ์มรตลอด 2 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่โหวตเลือกนายกฯเสร็จสิ้น

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ก็ระบุว่ายังไม่มีใครในใจ หากสุดท้ายแล้ว ไม่ได้กลับมานั่ง รมว.กลาโหม อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมามีชื่อ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมานั่ง รมว.กลาโหม ในรัฐบาลชุดใหม่ แต่ชื่อก็ยังคงอยู่ที่ มท.1 อยู่ตามเดิม เพราะถือเป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุว่า เก้าอี้ รมว.กลาโหม – มท.1 ควรเป็นของพรรคหลัก นั่นก็คือ ‘พลังประชารัฐ’ นั่นเอง ทำให้ชื่อของ ‘2ป.ป้อม-ป๊อก’ ยังคงอยู่ที่เดิม เพราะเป็น ‘พี่ที่เคารพ’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจมากที่สุด เปรียบแค่มองตาก็รู้ใจ ที่จะมาคุม 2 กระทรวงใหญ่ ที่มีหน่วยงานอยู่ทั่วประเทศ
.
แต่ก็มีการมองว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียง ‘สัญญาณ’ ที่ พล.อ.ประวิตร ต้องการส่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ยืนยันผ่านสื่อให้ชัดเจนว่าจะให้ตนมาเป็น รมว.กลาโหม อีกครั้งหรือไม่ รวมทั้งมีการมองว่าหาก พล.อ.ประวิตร เหลือเพียงตำแหน่ง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ก็ไม่สมฐานะ พล.อ.ประวิตร ที่มีบารมีในการคุมกองทัพนี้ได้ จน ‘ปู่ชัย’ชัย ชิดชอบ จากพรรคภูมิใจไทย ถึงกับเอ่ยปากชมมาแล้วว่าทหารเป็นปึกแผ่น ไม่ทะเลาะกัน เหมาะสมนั่ง รมว.กลาโหม
.
มีการมองไปอีกว่า หรือสุดท้ายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะควบ รมว.กลาโหม เอง แต่ก็เชื่อได้ว่าเป็นเพียง ‘แผนขั้นสุดท้าย’ เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้พรรคร่วมรัฐบาล ก็เคยมีท่าทีไม่สนับสนุน ‘2ป.ป้อม-ป๊อก’ ในการกลับเข้า ครม. เพราะเกรงภาพ ‘สืบทอดอำนาจ’ ที่จะเด่นชัดขึ้นกว่าเดิม แต่กระแสต่างๆก็ลดลงไป หลังการจัดโผ ครม. เริ่มลงตัว อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกตัวหนุน พล.อ.ประวิตร แต่ก็ไม่มีแรงต้านใดๆเพิ่มออกมา

ดังนั้นเรื่องสุขภาพจึงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจถึงอนาคตทางการเมือง โดยเพาะขา ที่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “เดินยังไม่ค่อยถนัด” แม้นายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร จะเป็นห่วงอยากให้นายได้พัก ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง แต่ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังไม่เสร็จสิ้น ต้อง ‘ขึ้นหลังเสือ’ อีกครั้ง ก็ทำให้ พล.อ.ประวิตร ยังต้องช่วยงานต่อไป ไม่ว่าจะงาน ‘เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง’ ก็ตาม แน่นอนว่างานในรัฐบาลปกติจะมากกว่าในยุค คสช. ที่บทบาทของ รมช.กลาโหม จะมีความสำคัญมากขึ้นด้วย เพื่อแบ่งเบาภาระ แต่สภาวะในกองทัพที่เปลี่ยนไปช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทัพมีเอกภาพมากขึ้น ก็ทำให้ ‘การเมือง’ ยากที่จะเข้ามา ‘แทรกแซงกองทัพ’ ได้เหมือนในอดีต เพราะกองทัพในปัจจุบันถือเป็นยุคที่ ‘ทหารไม่แตกแถว’ และ ‘เป๊ะ’ มากกว่าที่ผ่านมา
.
อีกทั้งกระทรวงกลาโหมเป็น ‘กระทรวงเฉพาะ’ ที่แตกต่างตากกระทรวงทั่วไป เพราะเป็น ‘กระทรวงทหาร’ จึงทำให้ชื่อ พล.อ.ประวิตร ยังคงเป็นชื่อ รมว.กลาโหม ที่ไม่เคยหลุดโผครม.ไป อีกทั้งยากที่พรรคร่วมรัฐบาลจะส่งคนมานั่งแทนได้ และเป็นฐานที่มั่นให้กองทัพเป็นฐานสนับสนุน ‘รัฐบาลประยุทธ์’ ในอนาคต ท่ามกลางการมองว่ารัฐบาลใหม่จะอายุสั้น ด้วยสภาวะ ‘สภาปริ่มน้ำ’ เช่นนี้ และการงัดข้อของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ก็ทิ้ง ‘รอยร้าว’ ระหว่างทางไว้ไม่น้อย รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและอะไรก็ขึ้นได้ ที่พร้อมจุดติดได้เสมอ