ย้อนอ่านพระราชดำรัส สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น สู่การสละราชย์-สิ้นสุดยุคเฮเซ

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่น ร่วมทุกข์สุขกับประชาชนผ่านช่วงเวลาที่ดีและลำบากที่สุดของประเทศตลอด 3 ทศวรรษ

ในที่สุดวันที่ 30 เมษายน 2562 ทรงได้สละราชสมบัติกลายเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวง และสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงได้สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ปิดฉากยุคสร้างสันติทั่วหล้า หรือ “เฮเซ” ที่เริ่มมาตั้งแต่ 7 มกราคม 2532 สู่ยุคสันติอันยั่งยืน หรือ “เรวะ” ของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ขณะมีพระชนมายุ 82 พรรษา พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสต่อชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศผ่านทางโทรทัศน์ในตอนเช้าที่ทุกคนต่างรับชมด้วยอาการสงบตั้งใจ

พระราชดำรัสของพระองค์ สะท้อนถึงพระราชประสงค์อันนำไปสู่การตัดสินพระทัยประกาศสละราชสมบัติ

 

สมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระราชดำรัสต่อชาวญี่ปุ่นว่า

หมุดหมายสำคัญของการครบรอบ 70 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ผ่านไปแล้ว และอีก 2 ปีข้างหน้า เราจะต้อนรับปีที่ 30 แห่งรัชสมัยเฮเซ

ส่วนในตอนนี้ ข้าพเจ้ามีอายุมากกว่า 80 ปีแล้ว และถือว่าถึงเวลาเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกถึงข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ความแข็งแรงทางร่างกาย ในช่วงไม่กี่ปีก่อน ข้าพเจ้าได้เริ่มตรึกตรองถึงตลอดหลายปีของข้าพเจ้าในฐานะองค์จักรพรรดิและพิจารณาถึงบทบาทและหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะองค์จักรพรรดิในวันข้างหน้า

ขณะที่เราอยู่ท่ามกลางสังคมผู้สูงวัยที่มีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะคุยกับทุกท่านในวันนี้เกี่ยวกับว่า อะไรคือบทบาทที่พึงประสงค์ขององค์จักรพรรดิในเวลาที่ตัวองค์จักรพรรดิกำลังมีอายุมากขึ้น ขณะที่การดำรงฐานะองค์จักรพรรดิ ข้าพเจ้าต้องละเว้นการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะกับระบบพระจักรพรรดิที่ดำรงอยู่

ข้าพเจ้าอยากบอกกับทุกคนถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าในฐานะปักเจกชน ก็กำลังมีความคิดถึงเรื่องนี้

 

นับตั้งแต่ข้าพเจ้าขึ้นสืบราชสมบัติ ข้าพเจ้าทำหน้าที่ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิในกิจของรัฐ และในเวลาเดียวกัน ข้าพเจ้าใช้เวลาค้นหาและตรึกตรองถึงสิ่งที่เรียกว่าบทบาทอันพึงประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ใครกำหนดให้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐโดยรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ในฐานะคนที่ต้องสืบทอดธรรมเนียมประเพณีที่มีมายาวนาน

ข้าพเจ้ารู้สึกตลอดถึงสำนึกอย่างลึกซึ้งในความรับผิดชอบที่จะปกป้องธรรมเนียมนี้ และในเวลาเดียวกัน ในประเทศและโลกซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ข้าพเจ้าคิดมาตลอดจนถึงวันนี้ว่า ราชวงศ์ญี่ปุ่นจะสามารถนำธรรมเนียมเหล่านี้ไปเป็นประโยชน์ที่ดีต่อยุคปัจจุบันและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่กระตือรือร้นและเป็นธรรมชาติ ตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร

เป็นเวลาหลายปีก่อน หลังการเข้ารับการผ่าตัดทั้ง 2 ครั้ง ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกระดับความแข็งแรงที่ถดถอยเพราะด้วยอายุมากขึ้นและข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงอนาคตที่รออยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตัวเองอย่างไร หากสิ่งนั้นสร้างความลำบากให้กับข้าพเจ้าในการทำหน้าที่อันหนักหน่วงในแบบที่ข้าพเจ้าได้ทำและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อประเทศ ต่อประชาชนและรวมถึงต่อสมาชิกราชวงศ์ซึ่งจะตามหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็อายุ 80 ปีแล้ว และถือว่าโชคดีที่ตอนนี้ข้าพเจ้าสุขภาพดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าพเจ้าได้พิจารณาว่าความแข็งแรงของข้าพเจ้าค่อยเสื่อมลงอย่างช้าๆ ข้าพเจ้าเริ่มรู้แล้วว่าอาจกลายเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับข้าพเจ้าในการทำหน้าที่ในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐด้วยสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นทั้งหมดซึ่งข้าพเจ้าได้ทำแล้วจนถึงตอนนี้

 

ข้าพเจ้าสืบราชสมบัติเมื่อประมาณ 28 ปีก่อน และตลอดหลายปีมานี้ ข้าพเจ้าใช้แต่ละวันร่วมกับประชาชนชาวญี่ปุ่น แบ่งปันความรื่นรมย์เช่นเดียวกับความโศกเศร้าซึ่งเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วว่า หน้าที่แรกและสำคัญสุดขององค์จักรพรรดิคือการสวดภาวนาให้มีสันติภาพและความสุขแด่ประชาชนทุกคน

ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าบางกรณีก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องยืนข้างเคียงประชาชน ฟังเสียงของพวกเขาและใกล้ชิดถึงความคิดของพวกเขา เพื่อให้การทำหน้าที่ขององค์จักรพรรดิในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐและศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทุกคน องค์จักรพรรดิจำเป็นต้องแสวงหาจากความเข้าใจของประชาชนต่อบทบาทของสัญลักษณ์แห่งรัฐ

ข้าพเจ้าเองก็เช่นกันว่า มีความจำเป็นสำหรับองค์จักรพรรดิที่ต้องตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงบทบาทของตัวเองในฐานะองค์จักรพรรดิ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของประชาชนและความเต็มใจที่จะดูแลตัวเองให้ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกับประชาชน

ด้วยสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าการเดินทางไปสถานที่หลายแห่งทั่วญี่ปุ่นของข้าพเจ้า โดยเฉพาะสถานที่และเกาะที่ห่างไกลออกไป เป็นบทบาทสำคัญขององค์จักรพรรดิในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐและข้าพเจ้าพาพวกเขาไปด้วยจิตวิญญาณนั้น

ในการเดินทางทั่วประเทศของข้าพเจ้า ซึ่งได้ทำร่วมกันกับสมเด็จพระจักรพรรดินี รวมถึงในเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงฐานะมกุฎราชกุมาร ข้าพเจ้าตระหนักว่าทุกที่ที่ข้าพเจ้าไป ก็จะมีประชาชนหลายพันซึ่งรักหวงแหนชุมชนของพวกเขาและทุ่มเทอย่างเงียบๆ เพื่อสนับสนุนชุมชนของพวกเขาต่อไป

 

ด้วยความตระหนักนี้เอง ข้าพเจ้าจึงสามารถทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดขององค์จักรพรรดิ นั้นคือคิดถึงประชาชนและสวดมนต์เพื่อประชาชนตลอดเวลา ด้วยความเคารพและรักต่อประชาชนอย่างลึกซึ้ง นั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนได้รับพรอันยิ่งใหญ่ในการรับมือกับความชราภาพขององค์จักรพรรดิ

ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะลดการปฏิบัติหน้าที่ขององค์จักรพรรดิในเรื่องของรัฐและหน้าที่ขององค์จักรพรรดิในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐ

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อาจถูกตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่แทนองค์จักรพรรดิเมื่อองค์จักรพรรดิไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุผลของอายุไม่ถึงเกณฑ์หรือสุขภาพไม่ดี

อย่างไรก็ตาม แม้มีกรณีเช่นนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงได้ว่าองค์จักรพรรดิจะต้องดำรงอยู่ต่อตราบจนวันสุดท้าย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำหน้าที่ในฐานะองค์จักรพรรดิได้อย่างเต็มที่แล้ว

เมื่อองค์จักรพรรดิเกิดอาการป่วยและสภาพร่างกายกำลังรุนแรง ข้าพเจ้ากังวลในเรื่องนี้

การปฏิบัติของสมาชิกราชวงศ์เมื่อมีการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิก็จะมีการจัดไว้ทุกข์อย่างหนัก ต่อเนื่องทุกวันนานถึง 2 เดือน

ตามด้วยพิธีพระบรมศพซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี

เหตุการณ์มากมายเหล่านี้ เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงสู่ยุคใหม่ ทำให้เกิดความตึงเครียดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสมาชิกราชวงศ์ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

สิ่งนี้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเป็นครั้งคราวเพื่อสงสัยว่า จะเป็นไปได้แค่ไหนที่จะป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้

อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ องค์จักรพรรดิไม่มีอำนาจใดต่อรัฐบาล แม้แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้าพเจ้าหวังอย่างยิ่งว่าด้วยการไตร่ตรองต่อประวัติศาสตร์จักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่นที่มีมายาวนานนี้ ราชวงศ์เราจะสามารถอยู่ร่วมกับประชาชนได้ตลอดเวลาและสามารถทำงานร่วมกันกับประชาชนในการสร้างอนาคตของประเทศเราได้ต่อไป

และนั้นเป็นหน้าที่ขององค์จักรพรรดิในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐซึ่งดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้านี้ ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจที่จะทำให้ความคิดของข้าพเจ้าเป็นที่ล่วงรู้

ข้าพเจ้าหวังอย่างยิ่งต่อความเข้าใจของทุกท่าน”

ที่มา https://www.nytimes.com/2016/08/09/world/asia/transcript-japan-emperor-akihito-speech.html