กรมโยธาธิการและผังเมือง สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ บรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมขังทั่วประเทศ

กรมโยธาธิการและผังเมือง เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง เข้าปฏิบัติการระบายน้ำท่วมขังทั่วประเทศ เพิ่มพื้นที่รองรับน้ำหลากและบรรเทาสถานการณ์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อลดความเสียหาย ให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงวันที่ 26 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 35 จังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 52,000 ครัวเรือน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อลดความเสียหายดังกล่าว และเพื่อเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำล้นตลิ่ง ตามประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม 2566 กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกองบูรณะและบำรุงรักษา ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน ด้วยการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำล้นตลิ่ง เช่น สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด พระนครศรีอยุธยา และอุทัยธานี เป็นต้น เพื่อเสริมกำลังทุกหน่วยงานในการเร่งระบายน้ำท่วมขัง เพิ่มพื้นที่รองรับน้ำหลาก ให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตและสัญจรได้อย่างปกติ นอกจากนี้ ยังได้นำเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ ขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 3 เครื่อง จากโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองขอนแก่น ระยะที่ 1 เข้าปฏิบัติการในพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลตำบลบ้านเป็ด และเทศบาลตำบลเมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมือง มีเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ ขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดท่อสูบส่ง 12 นิ้ว อัตราการสูบ 0.45 ลบ.ม./วินาที จำนวน 100 เครื่อง ไว้รองรับพื้นที่ประสบภัยที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น ๆ หากพื้นที่ใดประสบปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมขัง สามารถแจ้งมาที่กองบูรณะและบำรุงรักษา กรมโยธาธิการและผังเมือง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2299 4393 หรือสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อกรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เข้าดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป