ลองของ ‘Fortuner GR Sport’ เครื่องแรงหายห่วง-ช่วงล่างปึ้ก

สันติ จิรพรพนิต

เป็นประจำในทุกๆ ปี ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน มีวาระเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก

เป็นแฟมิลี่ทริป ต้อนรับน้องสาวที่ทำงานอยู่สหรัฐอเมริกา เดินทางกลับมาเมืองไทย

ปีนี้เล็งขอยืมรถทดสอบไปในตัว สุดท้ายไปจบที่ “โตโยต้า” กับตัวแรง

“ฟอร์จูนเนอร์ จีอาร์ สปอร์ต” (Fortuner GR Sport)

เป็นรถเอสยูวี 7 ที่นั่ง แต่จริงๆ ไปสัก 6 คนกำลังสวย ซึ่งตรงกับสมาชิกในทริปพอดี

ไปรับรถที่ TOYOTA ALIVE SPACE ถ.บางนา-ตราด

เห็นรูปร่างหน้าตาอีกครั้ง ยังคงความอลังการงานสร้างเหมือนเดิม

ตัวรถสีแดงสวยสด หลังคาดำตัดกันอย่างลงตัว

กระจังหน้าสีดำเงา ดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR

ไฟหน้าทรงสวยแบบ LED Dual Projector Lens พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้า / ปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ

ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED

ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding

กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ พร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา

ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว สีพิเศษ ออกแบบเฉพาะรุ่น GR Sport

ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อม Kick-activated และระบบป้องกันการหนีบ หรือจะเปิดจากรีโมตก็ได้

ห้องโดยสารสีดำ เดินด้ายสีแดงบริเวณคอนโซลหน้า แผงข้างประตู พวงมาลัยและเบาะนั่ง

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบนุ่ม พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

มีแถบสีแดงเล็กๆ หรือ Center Mark พร้อมสัญลักษณ์ GR

หน้าจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว

ตรงกลางเป็นจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth Apple CarPlay และ Android Auto

ระบบเสียง Premium Audio ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง พร้อมซับวูฟเฟอร์

ช่องแอร์กลางเจาะอยู่ด้านบนจอกลาง ข้อดีคือกระจายลมได้ทั่วถึงและไม่เป่ามือผู้ขับขี่

ที่นั่ง 2 แถวหลังไม่ต้องกังวล เพราะเจาะแอร์เพดานสำหรับเบาะทุกที่นั่ง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone

เกียร์แบบขั้นบันได ความสูงของก้านกำลังเหมาะ

บริเวณฐานเกียร์มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่ ทั้ง ECO / Normal / Sport

เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ พร้อมสัญลักษณ์ GR

เบาะด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

แป้นคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต

 

หลังได้รับรถมาเรียบร้อย ลองเข้าไปทดสอบนั่งเบาะแถว 3 ปรากฏว่าไม่มีปัญหา ด้วยสามารถปรับเอนพนักได้ ทำให้สบายตลอดการเดินทาง

ส่วนเบาะแถว 2 กว้างขวาง แม้จะเลื่อนมาชิดด้านหน้าสุดก็ยังนั่งได้สบาย

ตรงกลางดึงลงมาเป็นที่เท้าแขนพร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 จุด

ส่วนที่ต้องเลื่อนเบาะแถว 2 มาหน้าสุดเพื่อให้เบาะแถวสุดท้ายมีที่วางขามากขึ้นนั่นเอง

การเดินทาง 2-3 ชั่วโมง และแวะพักระหว่างทาง 1 ครั้ง ถือว่าสบายๆ สำหรับคนนั่งแถว 3

แต่ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้สูงอายุที่ต้องเดินทางไปด้วยอาจไม่สะดวกในการขึ้นลง

บวกกับสัมภาระที่แต่ละคนมีไม่น้อย โดยเฉพาะสาวๆ

สุดท้ายตัดสินใจเอารถเก๋งส่วนตัวขับตามไปด้วยอีกคัน

ด้วยความที่ฟอร์จูนเนอร์ นั่งกันไปแค่ 3 คน ผมตัดสินใจปล่อยลมยางออก 1-2 ปอนด์ เพราะต้องการความนิ่มนวลมากขึ้น แต่สัญลักษณ์เตือนลมยางที่หน้าจอโชว์ตลอดเวลา

จุดหมายคือ จ.ปราจีนบุรี โดยใช้เส้นทาง ถ.รามอินทรา มุ่งไปมีนบุรี ทะลุออกฉะเชิงเทรา

 

ออกเดินทางตอนสายๆ รถเยอะประมาณหนึ่ง

แต่ด้วยความสูงของรถ ทำให้ทัศนวิสัยช่างจ้าเสียเหลือเกิน

การกะระยะ เร่งแซง หรือเปลี่ยนเลน ทำได้สบายและปลอดภัยมากขึ้น

เครื่องยนต์ทรงพลัง ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler 2,755 ซีซี

กำลังสูงสุด 224 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดมากถึง 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift

ช่วงล่างด้านหน้า อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมช็อก แอบซอร์บเบอร์แบบ Monotube เฉพาะรุ่น GR Sport

ด้านหลังแบบโฟร์ลิงก์ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง พร้อมช็อก แอบซอร์บเบอร์แบบ Monotube เช่นกัน

ความนิ่มนวลต้องบอกว่าไม่มากนัก แต่ไม่ถึงกับกระด้าง ผู้ขับขี่อายุไม่มากน่าจะชอบเป็นพิเศษ

อัตราเร่งหายห่วงเพราะทั้งแรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มมากกว่ารุ่นเก่า

ช่วงออกตัวพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับความเร็วกลางและปลาย มาแบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย

อารมณ์การขับขี่หลังจากที่ลองครบทั้ง ECO / Normal / Sport

โหมดแรกรู้สึกไม่ทันใจไปนิด ส่วนโหมดสุดท้ายแรงสนุกอยู่ ยิ่งหากขับเพียงคนเดียว

แต่อาจไม่เหมาะหากมีผู้โดยสารท่านอื่นบนรถ

สุดท้ายมาลงตัวที่ Normal เพราะแรงกำลังดี และไม่กระชากกระชั้นเกินไป

พวงมาลัยคมและแม่นยำ น้ำหนักกำลังเหมาะ ไม่เบา หรือหนักเกินไป

มีระยะฟรีนิดๆ ทำให้ไม่เครียดหรือเหนื่อยมากหากต้องขับทางไกล

การเข้าโค้งแม้ตัวรถค่อนข้างสูงแต่ไม่มีปัญหา ช่วงล่างรับมือได้หมด แต่อาจมีแรงเหวี่ยงเบาๆ สำหรับผู้โดยสาร

ช่วงเดินทางจากฉะเชิงเทราไปปราจีนบุรี มีช่วงจังหวะรถว่างบนถนนแบบ 3 เลน แถมถนนเรียบกริบ

เลยจัดหนักๆ ไปพอสมควร ความเร็งพุ่งวาบตามน้ำหนักเท้า

การเร่งแซงแทบไม่ต้องกะจังหวะเลย เพราะกดเป็นมาตามสั่ง

ขับรถรุ่นนี้ตอนอยู่บนถนน 2 เลนสวน จังหวะเร่งแซงไม่มีปัญหาแน่นอน

 

ระบบความปลอดภัยแบบพื้นฐานมีครบ เด่นๆ เช่น ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง

บวกกับระบบ Toyota Safety SENSE ที่ใส่มาแบบไม่ยั้ง

อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน

ระบบเตือนการชนด้านหน้า

กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ซึ่งจะส่งภาพเวลาจอด หรือกำลังออกตัวเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น

สัญญาณกะระยะช่วยจอดด้านหลัง 6 ตำแหน่ง ฯลฯ

“ฟอร์จูนเนอร์ จีอาร์ สปอร์ต” เป็นรถที่ขับสนุกรุ่นหนึ่งเลย เพราะได้ทั้งความสบายและความแรง

แม้ค่าสู่ขอจะต้องฉุกคิดนิดหนึ่ง แต่ถ้ารักรถประเภทนี้จริงและอยากได้สมรรนะสูงๆ จัดเลยครับ

ราคา 1,969,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]