สิ้นสุดการรอคอย! ไทย – เกาหลีใต้ ลงนาม MOU จัดส่ง “แรงงานเกษตรตามฤดูกาล”

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการจัดส่งแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ระหว่างกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ราชอาณาจักรไทย และอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING (MOU) ) ณ โรงแรม LOTTE Seoul สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของสาธารณรัฐเกาหลี เป็นผู้จรดปากกาลงนาม ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองฝ่าย

นายสุชาติ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือกับอำเภอจินอันในครั้งนี้ เป็นการเปิดตลาดอีกประเภทให้กับแรงงานไทย โดยนำร่องจัดส่งแรงงานภาคเกษตรของไทยเข้ามาทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาล (วีซ่า E-8) ตามโครงการจัดส่งแรงงานเกษตรตามฤดูกาลซึ่งดำเนินการภายใต้กระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งสืบเนื่องจากช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2565 ที่ตนได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงานเยือนสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อเจรจาขยายตลาดแรงงานไทย ซึ่งบรรยากาศระหว่างกันเต็มไปด้วยไมตรีจิต ทางการเกาหลีตอบรับเป็นอย่างดี จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคจนนำมาสู่ความสำเร็จในการบรรลุข้อตกร่วมกันในวันนี้
สำหรับสาระสำคัญของการลงนาม MOU ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนกระบวนการจัดส่ง-รับแรงงานไทย เพื่อไปทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ณ อำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี ให้เกิดประโยชน์ บนหลักการพื้นฐานของความไว้วางใจและความเท่าเทียม และกำหนดมาตรการคุ้มครองแรงงานที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแรงงานตามฤดูกาลได้รับสิทธิและผลประโยชน์ตามความเหมาะสม สร้างการป้องกัน และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อต่อต้านการจัดส่งและรับแรงงานตามฤดูกาลโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการจ้างแรงงานตามฤดูกาลอย่างผิดกฎหมาย สุดท้ายจัดหาแรงงานตามฤดูกาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร ในอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี

“ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เกาหลีใต้แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวได้ ส่วนฝ่ายไทยแรงงานเกษตรที่ว่างเว้นจากฤดูกาล หรือว่างงานในระหว่างรอถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในแต่ละปี จะสามารถเคลื่อนย้ายไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ชั่วคราว ช่วยให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเกิดประโยชน์แก่ทั้ง 2 ฝ่าย” รมว.แรงงาน กล่าว


ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ข้อดีของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้วยวีซ่า E – 8 คือไม่ต้องทดสอบทักษะภาษาเกาหลีซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของแรงงานไทย และผู้ที่เคยเดินทางไปทำงานแล้วยังสามารถไปซ้ำได้ในปีถัดไป โดยหลังจากนี้อำเภอจินอันจะรวบรวมความต้องการจ้างแรงงานจากนายจ้าง ตรวจสอบเอกสาร เพื่ออนุญาตการจ้างแรงงานไทย ก่อนส่งหนังสือแจ้งความต้องการแรงงาน (Demand letter)และสัญญาจ้าง (Employment contract) ให้กรมการจัดหางาน (ฝ่ายไทย) เพื่อประกาศรับสมัครคนหางานต่อไป เบื้องต้นทางการเกาหลีมีความต้องการจ้างแรงงาน ปีละไม่น้อยกว่า 5,000 คน เพื่อทำงานเพาะปลูก ปศุสัตว์ และประมง มีสัญญาจ้างไม่เกิน 5 เดือน รายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าแรงงานไทยชุดแรกจะสามารถเดินทางไปทำงานได้ ภายใน 1 เดือน สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้น ต้องอายุ 25 – 45 ปี มีการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรหรือมีประสบการณ์งานเกษตร 1 ปีขึ้นไป ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือประวัติพำนักผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี หรือถูกห้ามเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี ไม่เป็นโรคติดต่อรวมไปถึงวัณโรค ไม่ติดยาเสพติด ไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้กำเนิดบุตรไม่เกินหนึ่งปีนับจากวันสมัคร

นายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน กล่าวว่า ขอขอบคุณฝ่ายไทย โดยกระทรวงแรงงาน ที่มาลงนาม MOU กันในวันนี้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในเมืองจินอัน ทางเกาหลีใต้จะดูแลและให้ความคุ้มครองแรงงานไทยเป็นอย่างดี หากแรงงานคนใดอยู่ในระบบ “แรงงานซื่อสัตย์” จะให้เดินทางเข้ามาทำงาน แบบ Re-entry ได้