บริติช เคานซิล ชวนเปิดเคล็ดลับความสำเร็จ! ดร.เอกก์ ภทรธนกุล จากศิษย์เก่าเคมบริดจ์ พัฒนาสกิลสู่ “อัจริยะการตลาด” ของประเทศไทย

การเรียนการศึกษา ถือเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างฐานรากที่มั่นคง นำไปสู่การพัฒนาทักษะเพิ่มเติมในด้านต่างๆ ต่อยอดในการนำไปประกอบอาชีพของตัวเอง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จอย่างมั่นคง การพัฒนาทักษะหรือสกิลการวิเคราะห์ผ่านระบบการศึกษา ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพและเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

             โดยวันนี้ บริติช เคานซิล ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ศิษย์เก่าสหราชอาณาจักร ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปัจจุบันดำรงแหน่ง ประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาด หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถึงแนวทางความมุ่งมั่นในพัฒนาทักษะของตัวเอง นำไปสู่การสร้างโอกาสจนทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เป้าหมายสู่เส้นทางการขึ้นเป็นที่ 1 ของชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก จนได้รับฉายาว่าอัจฉริยะด้านการตลาด

            ค้นหาตัวเองไม่หยุดพัฒนาเพิ่มทักษะจากการศึกษา

             ผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล เล่าถึงประสบการณ์การศึกษาว่า “ผมเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาในระบบประเทศไทยมาตลอด รวมถึงได้มีโอกาสไปศึกษาต่อปริญญาโทในฝั่งของประเทศอเมริกาอีกด้วย พอศึกษาทั้งประเทศไทยและประเทศอเมริการะบบการศึกษาทั้ง 2 ประเทศเป็นการศึกษาแบบบล็อคเป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ทฤษฎี แต่เนื่องจากผมเองมีความต้องการจะเพิ่มทักษะของตัวเองในรูปแบบการพัฒนาเชิงระบบความคิด จึงทำให้ผมเห็นแนวทางว่าควรไปศึกษาต่อ ซึ่งการเพิ่มทักษะหรือสกิล รวมถึงการพัฒนาเชิงระบบความคิดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากกับคนทำงานในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม เนื่องจากโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของผู้บริโภคตลอดเวลา ซึ่งการมองหาระบบการศึกษาที่สามารถมาตอบโจทย์ได้นั้นจำเป็นต้องเข้าไปศึกษาโครงสร้างของระบบการศึกษาของประเทศนั้นๆ ก่อนว่ามีการเรียน การสอนอย่างไร สามารถตอบโจทย์ หรือนำไปต่อยอดกับอาชีพของเราได้หรือไม่

           

            ระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์กับความต้องการ

            การศึกษาของประเทศอังกฤษ จะเป็นรูปแบบ Critical Thinking ค่อนข้างเยอะพอสมควร ผมจึงตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากผมได้หาข้อมูลแนวทางการเรียนการสอน ซึ่งประเทศอังกฤษจะเป็นรูปแบบและมุมมองการศึกษาแบบใหม่ โดยใช้วิธีการคิด และวิเคราะห์ความเป็นไปได้จากเชิงทฤษฎีว่าที่เคยศึกษามานั้นสามารถมีแนวทางที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร หรือสามารถมีวิธีแบบอื่นอีกหรือไม่ โดยการเรียนการสอนในรูปแบบนี้จะเป็นการใช้ความคิดแบบมหาศาล การจะได้มาซึ่งคำตอบนั้น ต้องผ่านกระบวนการความคิด และเรียนรู้โดยตัวเองทั้งสิ้น การศึกษาในระบบประเทศอังกฤษจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาข้อมูลและเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาในทุกประเด็นด้วยตัวเอง

          เคล็ดไม่ลับการแข่งขันของคนที่เป็นอันดับ 1 ทั่วโลก

          ดร.เอกก์ เล่าต่อว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในเรื่องของมาตรฐานมหาวิทยาลัยระดับโลกถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุดของโลก ซึ่งมีความยากมากๆ เพราะการสอบเข้าเป็นการรวมคนที่เป็นที่หนึ่งของทั่วโลก มาแข่งขันกันเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ความพยายามต้องเริ่มตั้งแต่ต้นไม่ว่าจะเป็นการสอบให้ได้คะแนนสูงๆ แต่สิ่งที่ผมทำมีอยู่ 2 ข้อคือ 1. เมื่อผมรู้ว่าระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษเป็นระบบที่ลงลึก การเขียน Statement of Purpose ผมอยากให้ทุกคนไปศึกษาว่าอาจารย์ในหลักสูตรเค้าลงลึกทางด้านไหน และตรงกับความสนใจของเราไหม การเขียนให้ลงลึกไปเฉพาะด้านนั้น ซึ่งจะสามารถสร้างให้เกิดความประทับใจ และสนใจในตัวเรา 2. สร้างความโดดเด่น และแตกต่างให้กับตัวเองใดมุมใดมุมหนึ่ง ซึ่งตัวผมเองเป็นคุณครูตั้งแต่ก่อนจะไปเรียนต่อ ผมจึงเลือกจุดนี้ขึ้นมา โดยอธิบายว่าถ้าคุณจะต้องเลือกคนหนึ่งคนเข้าไปศึกษาต่อ ถ้าคุณเลือกคนที่เป็นนักธุรกิจ คุณสามารถพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ระดับโลกได้แค่หนึ่งองค์กรเท่านั้น แต่ถ้าคุณเลือกคุณครูที่จะสามารถนำความรู้ไปส่งต่อให้กับนักธุรกิจอีกหลายคน คุณสามารถพัฒนาองค์ให้ก้าวสู่ระดับโลกได้อีกรายเป็นพันองค์กร ซึ่งจะสามารถสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้ได้อีกมหาศาล

            กว่าที่จะก้าวสู่การเป็นที่หนึ่งในชั้นเรียน

          การศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อถึงเวลาอาจารย์ให้ข้อสอบนำกลับไปทำที่บ้าน โดยวิธีการเขียนแบบ Essay มีเวลาสามวัน ในการวิเคราะห์ดึงทฤษฎีที่เรียนมาทั้งหมดมีเพื่อหาแนวทางหรือสิ่งที่ดีกว่าการทำข้อสอบแบบนี้จะต้องใช้กระบวนการทางความคิดอย่างมาก ซึ่งเป็นเรียนรู้ของตัวเอง การศึกษาระบบของประเทศอังกฤษจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เนื่องจากระบบการสอนเค้าต้องการให้เราพยายามค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตัวเอง ผมใช้ระยะเวลาในการเรียนระดับปริญญาโท และปริญญาเอกเป็นเวลา 4 ปีครึ่ง ทำให้ผมพบว่าการเรียนไม่มีคำว่าง่ายเลย เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนอย่ามองว่าเป็นการเรียนเพียงเท่านั้น แต่ให้มองว่าเป็นการลงทุน ถ้าวันนี้เราลงทุนกับการเรียน การพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ในอนาคตมันจะเกิดผลดีอย่างเฟื่องฟูตลอดชีวิต บางคนถามว่าตัวผมเองมีทางลัดไหม มีเคล็ดลับยังไง คำตอบง่ายๆ คือ ผมไม่มีเคล็ดลับ ทุกอย่างเกิดจากความพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ และมองเป้าหมายอย่างชัดเจน ซึ่งนอกจากความรู้จากระบบการเรียนการศึกษาแล้วนั้น เครือข่ายของนักเรียนเก่าอังกฤษมีความแข็งแรงมาก และต้องยอมรับว่าการมีหน่วยงานที่คอยดูแลอย่าง British Council มีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องของการทำให้เกิดความแข็งแรงในเชิงของคนที่เป็น Alumni ก็ดี ของคนที่สนใจการศึกษาในระบบของประเทศอังกฤษก็ดี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ในประเทศไทย และสามารถให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมรู้สึกว่าในระยะยาววิธีคิดเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่เครือข่าย เน็ตเวิร์ค ความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

            “การศึกษาจึงเป็นการลงทุนครั้งสำคัญในชีวิต และในวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าการลงทุนครั้งนี้ถูกต้อง การประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกและตั้งใจวางไว้ ก็เป็นผลมาจากการศึกษาที่ตั้งใจมาตลอดหลายปี ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่ได้กลับมาและสำคัญไม่แพ้กัน คือวิธีคิดอย่างอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเครือข่ายศิษย์เก่าและเครือข่ายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ส่งเสริมธุรกิจเติบโตไปได้อย่างมั่นคง”  ดร.เอกก์ กล่าวทิ้งท้าย

             ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสาร และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.britishcouncil.or.th หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจ British Council Thailand

###

เกี่ยวกับบริติช เคานซิล

บริติช เคานซิล คือ องค์กรนานาชาติเพื่อส่งเสริมการศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร เราทำงานกับประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลกผ่านงานด้านศิลปะ วัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ การศึกษา และภาคประชาสังคม ในปีที่ผ่านมาเราสื่อสารโดยตรงกับผู้คนมากกว่า 80 ล้านคน และสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์กับผู้คนกว่า 791 ล้านคน เราสร้างประโยชน์แก่ประเทศที่เราทำงานด้วยผ่านทรัพยากรทางวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นโดยการสร้างโอกาส สร้างเครือข่าย และสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน บริติช เคานซิล ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2477 ภายใต้พระบรมราชานุญาตและพระราชบัญญัติองค์การอิสระแห่งสหราชอาณาจักร เราได้รับเงินสนับสนุนร้อยละสิบห้าโดยรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร