ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
การแข่งขันเบสบอลรอบ Playoff ของลีก MLB (Major League Baseball) ในอเมริกา
มี 10 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ Playoff จากทั้งสิ้น 30 ทีมในลีก
2 ทีมสุดท้าย จะแข่งชิงแชมป์ประจำฤดูกาลที่เรียกว่า World Series
ทีมใดชนะ 4 เกมก็คว้าแชมป์ไปครอง
หากเสมอกัน 3-3 จะแข่งเกมที่ 7 เป็นเกมตัดสิน
ในการแข่งขันเบสบอลแต่ละเกม โดยเฉลี่ยจะใช้เวลานานประมาณ 3 ชั่วโมง
ด้วยความที่เบสบอลเป็นการแข่งขันที่ไม่มีการกำหนดเวลาแบบฟุตบอลหรือบาสเกตบอล บางครั้งการแข่งขันจึงยืดเยื้อยาวนาน 4-5 ชั่วโมง
การแข่งขันเบสบอล MLB ที่กินเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1984 ครั้งนั้นทีม Chicago White Sox เป็นฝ่ายชนะทีม Milwaukee Brewers
ใช้เวลา 8 ชั่วโมง 6 นาที
ด้วยความที่เบสบอลเป็นการแข่งขันกีฬาที่ใช้เวลานาน และการดำเนินเกมค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับฟุตบอลหรือบาสเกตบอล ดังนั้น บรรดาแฟนเบสบอลที่เข้ามาเชียร์ในสนามจึงนิยมซื้ออาหารในสนามนั่งรับประทานกันแบบเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่กินเป็นของว่าง
อาหารยอดนิยมในสนามเบสบอลคือ Hot Dog ซึ่งใช้เรียกไส้กรอกเฉยๆ หรือไส้กรอกใส่ในขนมปังก็ได้
แต่ส่วนใหญ่เวลาที่เราพูดถึงฮอตด็อกจะหมายถึงไส้กรอกที่ใส่ในขนมปัง
ในแต่ละฤดูกาลเบสบอล MLB ที่แข่งกันนาน 7 เดือน ประมาณตัวเลขว่า มีการกิน Hot Dog ของผู้ชมในสนามมากถึง 26 ล้านชิ้น
พูดถึงฮอตด็อก หลายคนอาจเข้าใจว่า Hot Dog มีต้นกำเนิดที่อเมริกา
ไม่ใช่ครับ
ความจริงแล้ว ฮอตด็อกมีต้นกำเนิดที่เยอรมนี ในราวปี ค.ศ.1690 หรือเมื่อกว่า 320 ปีมาแล้ว โดยพ่อค้าเนื้อชื่อโยฮันน์ จอร์จไฮเนอร์ (Johann Georghehner)
ไส้กรอกของโยฮันน์รู้จักกันในชื่อ Dachshund (ดัชชุน) เพราะเป็นท่อนยาวเหมือนสุนัขพันธุ์ดัชชุน-ซึ่งเป็นสุนัขที่มีต้นกำเนิดที่เยอรมนีในศตวรรษที่ 15
แล้วไส้กรอกดัชชุนของเยอรมนีเข้าอเมริกาโดยผู้อพยพชาวเยอรมันนำเข้าไป
หลังจากนั้นมีการเอาไส้กรอกใส่ขนมปังใส่รถเข็นเป็นรถเข็นขาย Hot Dog ในอเมริการาวปี 1880
กลายเป็นอาหารที่นิยมของผู้มีรายได้น้อย
ส่วนที่มาของชื่อ Hot Dog นั้น เชื่อว่ามาจากการที่การเรียกไส้กรอกเป็นภาษาเยอรมันว่า Dachshund (ดัชชุน) ออกเสียงยากไปสำหรับคนอเมริกัน เลยเปลี่ยนมาเรียกว่า Dog หรือสุนัข เหมือนกับสุนัขดัชชุน
ส่วนคำว่า Hot ที่เพิ่มมานั้นเพื่อจะได้ทราบว่าต้มไส้กรอกขายร้อนๆ เลย
Hot Dog กับการแข่งขันเบสบอลเป็นของคู่กันในวัฒนธรรมการชมเบสบอลที่สนามของชาวอเมริกัน เพราะง่ายต่อการทำ โดยไส้กรอกนั้นจะย่างหรือต้มก็ได้ พอต้มหรือย่างเสร็จก็นำมาใส่บนขนมปัง และบีบเครื่องปรุงหลัก 3 อย่างบนฮอตด็อกคือ ซอสมะเขือเทศ, มัสตาร์ด และรีลิช (Relish) ซึ่งคือแตงกวาดอง หัวหอม และผักดองต่างๆ สับละเอียด แค่นี้ก็ขายได้แล้ว
คนซื้อหลายคนก็ใส่เครื่องปรุงทั้ง 3 อย่าง บางคนเลือกใส่เฉพาะเครื่องปรุงที่ตัวเองชอบ
เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อ จะมีคนเดินขาย Hot Dog เดินไปหาถึงที่นั่งในสนาม
คนขาย Hot Dog เป็นอาชีพที่อยู่คู่กับสังคมอเมริกันมานาน ขนาดในการ์ตูนมิกกี้เมาส์ยังเคยทำงานขาย Hot Dog ในงานคาร์นิวัล หรืองานวัดแบบฝรั่ง
และคำแรกในประวัติศาสตร์ที่มิกกี้เมาส์พูดในหนังการ์ตูน ในปี 1929 คือคำว่า “Hot Dog” โดยมิกกี้เมาส์ตะโกนขาย Hot Dog
คนอเมริกันจริงจังกับการกิน Hot Dog เวลาดูเบสบอลมาก ถึงกับมีการเก็บสถิติราคาของ Hot Dog ที่ขายใน MLB ทุกฤดูกาล
โดยในเบสบอล MLB ฤดูกาลนี้ มีการเก็บรวบรวมสถิติราคา Hot Dog ของทีมเบสบอลทั้ง 30 ทีม ได้ตัวเลขว่าราคาเฉลี่ยอยู่ที่อันละ 5 ดอลลาร์ หรือ 165 บาท
คนขาย Hot Dog ของทีม Chicago Cubs แชมป์ World Series ปี 2016 บอกว่า ในการแข่งขันเบสบอลแต่ละเกม จะมีคนขาย Hot Dog หลายคนเดินทั่วสนาม
คนขาย Hot Dog 1 คน จะขายได้ประมาณ 100-300 อัน
ฤดูกาลที่แล้ว ทีม Chicago Cubs ขาย Hot Dog ได้ถึง 1 ล้านอัน
เรื่องการเก็บสถิติในวงการกีฬา ยกให้อเมริกาเค้าเลย