เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือผัวยังมีผี แสบกว่า ‘ชู้เหนือผัว’ คือ ‘ชู้เหนือผี’

ญาดา อารัมภีร

ล่าชู้ (1)

‘ชู้’ เป็นคำอมตะนานเกือบ 700 ปี วรรณคดีสมัยสุโขทัย เรื่อง “ไตรภูมิพระร่วง” มีคำว่า ‘ชู้’ อยู่หลายที่ ‘ชู้’ ในที่นี้ไม่ได้เป็นแค่คู่รัก แต่ได้เสียเป็นผัวเมียกัน

“คนผู้ใดเกิดมาแลบ่มิรู้จักบาปจักบุญ แลบ่มิรู้จักคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แลบ่มิได้ให้ทาน ตระหนี่ทรัพย์ แลเมื่อท่านจะอวยทานไส้มักห้ามปรามท่าน อันหนึ่ง มันบ่มิรู้รักพี่รักน้อง บ่มิรู้เอ็นดูกรุณา เทียรย่อมข้าสิงสัตว์อันรู้ติง แลลักเอาสินท่านอันท่านเจ้าสินบ่มิให้แก่ตน มักทำชู้ด้วยเมียท่าน แลลอบลักรักเมียท่านผู้อื่น … ฯลฯ … อันว่าคนผู้กระทำร้ายฉันนี้ไส้ ครั้นว่าตายไป ก็ได้ไปเกิดในนรกอันใหญ่ ๘ อันนั้นแล อันว่าความอันเขาเจ็บปวดทนทุกขเวทนาแห่งเขานั้น จักกล่าวบ่มิได้เลย”

“ไตรภูมิพระร่วง” เล่าถึง ‘นรกสำหรับชู้รัก’ ไว้ตามลำดับ

“สังฆาฏนรก ผู้ชายแรงทำชู้ด้วยเมียท่าน ผู้หญิงทำชั่วจากผัวตน ครั้นว่าตาย ไปเกิดในนรกนั้น นรกนั้นมีผู้หญิงก็หลาย ผู้ชายก็มาก”

“อวังสิรนรก คนฝูงอันกระทำชู้ด้วยเมียท่าน ตายไปเกิดในนรกนั้นแล นรกนั้นเทียรย่อมผู้หญิงก็หลาย ผู้ชายก็มากนัก”

นรกสองขุมแรก ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับนรกยอดนิยม ขุมท้ายสุด หรือ ‘นรกต้นงิ้วเหล็ก’

“โลหสิมพลีนรก ฝูงคนอันทำชู้ด้วยเมียท่านก็ดี แลผู้หญิงอันมีผัวแล้วแลทำชู้จากผัวก็ดี คนฝูงนั้นตายไปเกิดในนรกนั้น”

 

แม้ไตรภูมิพระร่วงจะมีคำว่า ‘ชู้’ ‘ทำชู้’ และ ‘กระทำชู้’ แต่ไม่มีรายละเอียดของพฤติกรรม ต่างจากวรรณคดีเรื่อง “สมุดมาลัย” พระมาลัยเถระเสด็จไปโปรดสัตว์ในนรกภูมิ กวีบรรยายว่า

“หญิงใดใจมักมาก มักเล่นราคเสพกามกล

ทำยาแฝดแล้วเรียนมนต์ ให้ผัวตนเมาตัณหา

พรางผัวมิให้รู้ ลักเล่นชู้เสพกามา

แต่งตนงามโสภา เพื่อจะให้ชายอื่นดู

ต่อหน้าผัวกระทำเปนมิตร์ ลับหลังคิดเปนสัตรู

แต่งแง่ให้ชายอื่นดู ลักเล่นชู้ส้อนเงื่อนอำ

ทำรักแล้วทำโกรธกริ้ว ชักหน้านิ่วให้ผัวยำ

แส้งให้แกล้งแส้งทำ ทำกลหกหกมารยา

หญิงนั้นครั้นวอดวาย หายชีวิตจากโลกา

ขึ้นงิ้วยมบาลมา รุมเอาหอกไล่ทิ่มแทง

ผูกแขวนเอาหัวลง เพราะหญิงนั้นมันใจแข็ง

ยมบาลเอาหอกแทง บาปใจแข็งเล่นชู้เหนือผัว” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ)

‘ชู้เหนือผัว’ คือ ชายที่ลอบได้เสียกับหญิงซึ่งผัวยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นสมัยนี้ คือ ผัวน้อยผัวหลวง ใคร ‘น้อย’ ใคร ‘หลวง’ เดาไม่ยาก

 

‘พระไอยการลักษณผัวเมีย’ ใน “กฎหมายตราสามดวง ฉบับราชบัณฑิตยสถาน” เล่ม 1 มีข้อความว่า

“๙ มาตราหนึ่ง หญิงใดทำชู้เหนือผัว ผัวจับชู้ได้มิทันพิจารณา บันดาลโกรธตีด่าฆ่าฟันแทงชายชู้นั้นตายไซ้ให้พิจารณา ถ้าเป็นสัจว่าชายทำชู้ด้วยเมียมันจริง มิให้เอาโทษแก่ชายเจ้าเมียนั้นเลย ถ้าชายผู้ผัวบทันฆ่าหญิง หญิงหนีรอดไซ้ ให้เอาหญิงนั้นเปนคนหลวง ท่านจให้ลงโทษประการใด ตามพระราชอาญาท่านนั้นแล”

“๕ มาตราหนึ่ง หญิงอันแรงทำชู้เหนือผัว ผัวมันเอาสินไหมถึง ๒ ถ่าแล้ว มันยังทำชู้สู่ชายเหนือผัวมันอีกเล่าไซ้ ท่านว่ามิให้ไหมชายชู้นั้นเลย”

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือผัวยังมีผี แสบกว่า ‘ชู้เหนือผัว’ คือ ‘ชู้เหนือผี’

ชู้เหนือผี คือ ชายที่ลอบได้เสียกับหญิงที่ผัวตาย ขณะศพผัวยังคาอยู่บนเรือน ตายแล้วยังไม่ได้เผาก็มีอะไรกันเสียแล้ว ใจกล้าหน้ามืดทั้งชู้ทั้งเมีย

‘พระไอยการลักษณผัวเมีย’ บันทึกด้วยภาษาง่ายๆ มองเห็นภาพชัดเจน

“๓๐ มาตราหนึ่ง ผัวตายหงายไว้ทังโลง สภยังอยู่กับเรือนหญิง เมียนั้นน้ำตาตกแลคล้อยใจกำหนัดชักเอาชายมานอน แลผีตายหงายรับกันอยู่ดั่งนั้น ถ้าพี่น้องชายผู้ตายรู้เหนเอาความมาร้องฟ้อง เมื่อสวนสับขับแท้แพ้จริงไซ้ ท่านให้ศาลกระตร้อตากลวยครอบศีศะหญิงนั้นลงเพียงตา ให้ทะเวนรอบเรือนที่ผีผัวอยู่นั้นสามรอบ แล้วให้ไหมชายชู้เปนเบี้ย ๑๐ แสนให้แก่ญาติพี่น้องเผาผีผู้ตาย” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ)

กรรมติดจรวด •