เรื่องสั้น | แม่อยากไปไหว้พระ

สมพรลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนแหวกผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เมื่อคืนเป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์อวดแสงงามระหงในม่านเมฆ เขาจึงจิบเบียร์ชมความงดงามของเจ้าหญิงแห่งรัตติกาลจนดึกดื่น

“รีบตื่นเลยเจ้าพร วันนี้พาแม่ไปไหว้พระหน่อย” เป็นเสียงแหบๆ ที่เขาคุ้นเคยดี

“เอ้อ… เอ้อ…” เสียงของเขาก็พร่าเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม

“แม่ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่งเอาวันไหน” หญิงชราตัดพ้อด้วยไม้ตายประจำตัว ทำให้ลูกชายคนเล็กต้องรีบรวบรวมสติสตังค์ที่ล่องลอยอยู่ให้กลับเข้าร่างโดยเร็ว

“ได้ครับ… ได้ครับ… แม่รอผมแป๊บนึง” สมพรรีบตัดสินใจเพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย

เมื่อถึงเวลาเดินทาง คนบนรถมีสามคน สมพร แม่ และพี่พงษ์

“ไปวัดนี้ก็แล้วกัน” สมพรบอกชื่อวัดกับแม่ หลังจากอาบน้ำกินข้าวแล้วเขาใช้เวลาค้นหาในกูเกิลเทพเจ้าในยุคนี้อยู่พักใหญ่ เขาไม่ค่อยประสีประสาเรื่องวัด จำเป็นต้องพึ่งพหูสูตแห่งโลกสมัยใหม่

“วัดไหนก็ไปเถอะ ขอให้แม่ได้ทำบุญไหว้พระ ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย มันคงใกล้เวลาจะตายแล้วละมัง” หญิงชราวกกลับมาเรื่องเก่า

ชีวิตของนางเดินทางมาไกล ตัวเลขอายุเข้าใกล้ศตวรรษมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ในวัยสาวทำงานหนัก ทั้งทำนา รับจ้างสารพัดอย่าง แต่ร่างกายกลับแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ

ในวัยนี้นางยังสามารถลุกขึ้นหุงข้าวหุงปลาให้ลูกๆ กินได้ หากว่าวันนั้นไม่เป็นไข้ตัวสั่นจนต้องล้มหมอนนอนคลุมโปง

เหตุที่สมพรเลือกวัดนี้ เพราะเห็นว่าเป็นวัดเก่าแก่ ชื่อฟังแล้วร่มรื่นใจ และอีกอย่างวัดอยู่ห่างจากบ้านเพียงยี่สิบกว่ากิโล ขับรถไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง แต่เมื่อรถออกจากซอยขึ้นถนนสายหลักเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ว่าเส้นทางสายที่พาดผ่านนิคมอุตสาหกรรมขนาดมหึมาคลาคล่ำไปด้วยรถ

เมื่อรถมาถึงแยกสัญญาณไฟจราจรที่มีทางด่วน มีสัญญาณไฟซ้อนกันถึงสองสัญญาณไฟ ทำให้มีรถติดยาวเหยียด กว่าจะผ่านไปได้ต้องใช้เวลาหลายนาที เขาสังเกตรถรอบข้างที่เรียงรายกันราวตับปลา ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ เขาไม่เห็นรถใหม่ป้ายแดงเลย มันเป็นผลพวงมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หลายโรงงานทยอยเลิกจ้าง บางแห่งหยุดการจ่ายโอที บางแห่งจ่ายค่าแรงเพียง 75 เปอร์เซ็นต์ บริษัทที่เขาทำงานก็อยู่ในสถานการณ์ลูกผีลูกคนเหมือนกัน การได้มาไหว้พระทำบุญกับแม่ก็ดีเหมือนกัน จะช่วยให้สบายใจขึ้น ไม่ต้องไปคิดกับเรื่องนี้มากนัก

สมพรขับรถตามกูเกิลแม็ปที่คอยตะโกนบอกทางจนไปถึงวัด เป็นวัดที่ดูสะอาดตา แต่ว่าเงียบเชียบ เมื่อเขาเปิดกระจกมองไปรอบๆ วัด ข้างโบสถ์มีศาลากลางน้ำ มีเสาทำด้วยไม้ทั้งต้น 8 ต้นสูงจากพื้นน้ำไม่ต่ำกว่าสามสี่เมตร แต่ในสระน้ำที่ห้อมล้อมศาลานั้นมีน้ำเหลือไม่มาก ไม่มีบัวหรือพืชน้ำอะไรลอยอยู่ เลยไม่ช่วยขับให้ศาลาโดดเด่น สมพรเดาเอาว่าพระในวัดนี้คงต้องการให้อยู่แบบสภาพเดิมๆ เลยไม่ได้ปรับปรุงเสริมแต่งอะไร แต่ถ้ามองในอีกด้านหนึ่ง ถ้าปรับปรุงเสียหน่อย ศาลากลางน้ำนี้สามารถเป็นแรงดึงดูดใจให้คนเข้าวัดเข้าวาเพื่อมาซึมซับความขรึมขลังศิลปะสมัยโบราณได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ สิ่งที่มีคุณค่าคงผุพังไปตามกาลเวลาพร้อมกับการลืมเลือนของผู้คน

ขณะที่โบสถ์สีขาว มีบันไดเจ็ดขั้นขึ้นไปบนโบสถ์ จุดเด่นอยู่ที่หน้าโบสถ์มียักษ์ถือตะบองยืนเฝ้าระวังภัยอยู่ เขารู้สึกว่าทรงของโบสถ์คลับคล้ายคลับคลาวัดโบราณวัดหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ว่าประตูโบสถ์ปิดสนิท

“วัดนี้เขาปิดน่ะแม่ เขาไม่เปิดให้ทำบุญไหว้พระ เราลองไปดูอีกวัดหนึ่ง” สมพรบอกชื่อวัด แต่ว่าเขาไม่ได้ไปวัดนี้มานานร่วมยี่สิบปีแล้ว เขาจำทางไม่ได้ เขาจึงพึ่งสูตรเดิมเข้าไปในกูเกิลแม็ป พิมพ์ชื่อวัดลงไป เท่านั้นแหละตัวเลขระยะทางและระยะเวลาเดินทางก็ขึ้นมา ไม่ไกลประมาณ 10 กิโล เขาจึงถอยรถออกจากวัดเก่าแก่ด้วยความรู้สึกเสียดาย วัดที่เขาจะไปนั้นเขาไปตลอดที่เป็นวัยรุ่น งานสงกรานต์สนุกสนานได้สาระทางพิธีกรรม มีทั้งขบวนแห่นางสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกันด้วยความมีไมตรีต่อกัน ไม่จาบจ้วงลวนลามผู้หญิง ไม่เหมือนงานสงกรานต์ในเมืองที่มีการไล่ยิงกันไล่ตีกันทุกปี

แต่ว่าเจ้ากรรม เสียงพรายกระซิบจากกูเกิลแม็ปอาจไม่ชัดเจน ทำให้สมพรเลี้ยวผิดเลี้ยวถูกอยู่สองสามรอบ มีอยู่ครั้งหนึ่งเลี้ยวผิดเข้าไปในซอยตันและแคบมาก ต้องถอยหลังรถออก มีเสียงชนดังโครม นั่นทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ เมื่อเหลือบตามองกระจกเห็นมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ เขารีบจอดรถลงไปแต่เดชะบุญรอดไป เขาถอยหลังชนฟุตปาธเท่านั้น เฉียดรถมอเตอร์ไซค์ไปแค่คืบ ขับไปสักพักทางยิ่งเล็กลงและแทบไม่มีรถสัญจรไปมา เขาคิดว่าคงมาไม่ถูกทาง ตอนนี้กูเกิลแม็ปก็เกิดเป็นใบ้ขึ้นมาเฉยๆ มันอาจจะเป็นจุดอับสัญญาณก็ได้ แต่พอตาเหลือบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตากผ้าอยู่หน้าบ้านโดยเปิดประตูทิ้งไว้ สมพรตัดสินใจเบรกรถเดินลงไปถาม ก่อนตอบเธอยิ้มให้บอกว่าพี่มาผิดทางแล้ว ทางนี้ไปไม่ได้หรอก จากนั้นเธอได้อธิบายเส้นทางอย่างละเอียด สมพรกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจงามของเธอ เธอไม่บอกสมพรก็รู้ว่าเธอเป็นคนถิ่นนี้ ด้วยคนถิ่นนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนมีน้ำใจงาม เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังบอกว่า พี่ถอยรถกลับในบ้านหนูได้ สมพรกล่าวขอบคุณอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าเขามาผิดทางหรือมาถูกทางกันแน่

เขาถอยรถกลับมาตามถนนเส้นเดิม แล้วเลี้ยวซ้าย เมื่อไปถึงตลาดริมคลองก็ข้ามสะพาน เลี้ยวซ้ายอีกทีจนไปถึงหน้าวัดใหญ่แล้วให้เลี้ยวซ้ายอีกที เมื่อเขาผ่านหน้าวัดไปไม่นาน เมืองเก่าค่อยๆ ลับตาไปทางเบื้องหลัง เบื้องหน้าและสองข้างทางเป็นทุ่งนา บางแปลงข้าวกำลังออกรวงเหลืองอร่ามอวดแสงแดดแรงกล้า บางแปลงเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว มีกองฟางวางอยู่กลางนา บางแปลงต้นข้าวกำลังตั้งลำใบเขียวขจี และบางแปลงก็เพิ่งจะปลูกกล้าลงไปไม่นาน

แม้ว่าสมพรจะไม่ได้เปิดหน้าต่างรถ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นที่ล่องลอยเข้ามาอวลตลบอยู่ในรถ

ตอนนี้แม่เริ่มมีเสียงขึ้นมาบ้างแล้วเพราะเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้เมื่อตอนเป็นสาวใหญ่ “แม่จำได้ ตรงนี้แม่เคยมาลงหิน” คำว่าลงหินของแม่หมายถึงการเป็นลูกจ้างบริษัททำทางมาสาดหินลงบนยางมะตอยร้อนๆ ที่ราดลงบนลูกรัง หลังจากนั้นก็สาดหินทับลงไป

“นั่นสะพานตรงนั้น ไอ้พงษ์มันเคยไปกระโดดลงน้ำตูมๆ อยู่” แม่ชี้มือไปที่สะพานไม้ข้ามคลองออกไปสู่นาข้าวที่ตอนนี้มีรถไถกำลังพรวนดินอยู่

สมพงษ์หันไปมองตามนิ้วที่แม่ชี้ไป แล้วก็หัวเราะเบาๆ “ใช่ๆ เค้าไปกระโดดน้ำกับไอ้ศร วันนั้นมันร้อนมาก ร้อนกว่าวันนี้เยอะ” พี่ชายของสมพรมีประสบการณ์ร่วม ทำให้บรรยากาศในรถดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น

พอรถเข้าโค้งมาได้ราว 100 เมตรก็ถึงประตูวัด สมพรรีบขับพรวดเข้าไปข้างในทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพพระอุโบสถสูงตระหง่าน ไม่ใช่โบสถ์หลังเก่าที่เขาคุ้นตา ส่วนวิหารที่ประดิษฐานของหลวงปู่ก็สร้างขึ้นใหม่เช่นกัน เขาขับรถมาจอดที่หน้าวิหาร ลดกระจกลง มองกวาดตาไปรอบๆ แต่ว่ามันเงียบเชียบ ประตูปิดสนิท ไม่มีพระหรือฆราวาสอยู่แถวนั้นเลย เขามองด้วยความเสียดายอีกหน เขาอยากเข้าไปไหว้พระพุทธรูปที่เคารพนับถือ แต่ทางวัดเขาคงปิดในวันหยุด ทำให้อดทำบุญไหว้พระอีกตามเคย เขาขับรถวนรอบวัดอยู่รอบหนึ่ง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือวัดนี้สะอาดสะอ้านแทบไม่มีใบไม้ระเกะระกะพื้น

“สงสัยข้าจะไม่มีบุญก่อนตาย อยากจะทำบุญไหว้พระ ไปวัดไหนก็ปิดหมด” แม่บ่น ขณะที่สมพรก็นิ่งไป เขานึกไม่ออกว่าจะไปหาวัดที่ไหนอีก จะขับรถไปทางอื่นก็ต้องพึ่งข้อมูลจากกูเกิลอีก ซึ่งก็ต้องเสียเวลาจอดรถค้นหา ขณะที่เขากำลังจะบอกแม่ว่า “งั้นกลับบ้านกันก่อน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าค่อยว่ากันใหม่” เขาก็นึกขึ้นได้ในเส้นทางที่เขาผ่านมา มีตลาดน้ำเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานนี้ น่าจะแวะซื้อของสักหน่อย เผื่อแม่ได้ของกินถูกใจจะได้หยุดสงบปาก มิฉะนั้นแกต้องบ่นไปตลอดทางจนถึงบ้านแน่

พระท่านคงต้องการความสงบ เพื่อเรียนธรรมและทำสมาธิ บางทีมันอาจจะสวนทางกับคนอย่างเราๆ ที่ต้องการเข้าวัดทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวเองบ้าง เพื่อให้สบายใจบ้าง หรือบางคนเข้าวัดเพราะอยากได้โชคลาภ พระท่านคงทำตามใจของคนทุกคนไม่ได้

สมพรคิดเรื่องนี้จนเพลินขณะขับรถย้อนกลับมา เผลอแป๊บเดียวก็ถึงทางเข้าตลาดน้ำ เขาเลี้ยวตามรถกระบะและรถเก๋งไป ป้ายบอกว่าเลี้ยวเข้าไปอีก 4 กิโลเมตรก็จะถึง แม้ว่าจะเป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่พาดผ่านทุ่งนา แต่ก็มีรถวิ่งไปมาไม่ขาดสาย อีกสี่ห้าร้อยเมตรถึงตลาดน้ำรถก็ค่อยๆ คลานตามกันไป

“เฮ่ย ทำไมมันคึกคักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อ เห็นเขาว่าเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปี” สมพรชวนคนในรถคุย แต่ว่าแม่นั่งเงียบ เขาพบว่ายิ่งใกล้ถึงตลาด สองข้างทางจะมีลานจอดรถเก็บเงินที่มีรถเข้าไปจอดพลุกพล่าน ทั้งที่เพิ่งจะสิบโมงกว่าเอง ถ้าตกบ่ายสงสัยว่าคงจะหาที่จอดยาก เขาสองจิตสองใจว่าจะเข้าไปหาที่จอดในลานจอดรถของตลาด หรือว่าลานจอดรถข้างนอก แต่เมื่อคิดว่าข้างนอกแม่คงเดินไกลๆ ไม่ไหวแน่ เพราะว่าวันนี้แดดแรงมากเลย เขาเลยเสี่ยงดวงเข้าไปหาที่จอดในตลาด ถ้าไม่มีก็คงพาแม่กลับบ้านเลย เพราะแม่ไม่ค่อยอยากไปเดินตลาดสักเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาก็พบว่ามีรถจอดคาอยู่เต็ม หลายคันตัดสินใจจอดซ้อนคันเมื่อเห็นว่าสามารถเปิดช่องให้รถวิ่ง มีแม่ค้าที่ย่างไก่ขายโบกมือให้เขาจอดข้างร้านของเธอ แต่พอเขาลองเสือกหัวเข้าไป พบว่ามันแทบจะเบียดกับเสาที่ค้ำร้านค้ากับต้นไม้ที่บีบอยู่ เขาก็เลยโบกมือ บอกแม่ค้าว่าเข้าไม่ได้ เดี๋ยวจะงานเข้า รถอาจจะไปพังร้านค้าของเธอ เขาจึงเคลื่อนรถออกมาซ้อนคัน หวังเพื่อฟลุกว่าจะมีรถคันไหนออกบ้าง แล้วเขาก็มีโชคบ้าง เมื่อรถกระบะที่จอดอยู่ข้างหน้าก็เคลื่อนตัวออกไป เขาจึงเข้าเสียบแทนทันที

“เอ้าลงรถแล้วไปดูกันหน่อยว่าตลาดมีอะไรขายบ้าง” สมพรบอกขณะกดปุ่มดับเครื่องยนต์ รถสมัยใหม่ ไม่ต้องใช้กุญแจติดหรือดับเครื่องกันแล้ว มันมีปุ่มให้กด ปุ่มเดียวกดได้ทั้งติดและดับ ส่วนกุญแจมีไว้แค่ประดับรถเฉยๆ เพราะเวลาจะล็อกประตูรถหรือเปิดประตูรถก็เอานิ้วจิ้มรีโมตมันร้องปิ๊ดหรือปิ๊ดปิ๊ดก็เป็นอันว่าเรียบร้อย เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หากใครเข้าไปอยู่ในป่าแค่ปีสองปีแล้วออกมาก็คงงงเป็นไก่ตาแตก

“คนไม่รู้มาจากไหนกันนะ เยอะแยะขนาดนี้ แม่ไม่รู้จะเดินไหวหรือเปล่า เดี๋ยวเดินได้นิดเดียวก็เวียนหัวอีก” แม่บ่นกับพี่ชาย

“ไหนๆ เจ้าพรมันก็พามาแล้ว เข้าไปเดินดูกันสักหน่อยแล้วค่อยกลับ” สมพงษ์พูดกับแม่เสียงเข้ม ขณะที่เปิดประตูประคองแม่ลงจากรถ

ตลาดน้ำแห่งนี้ก็เหมือนกับตลาดน้ำที่อื่นๆ ที่เปิดเฉพาะวันหยุด สมพรไม่เคยย่างกรายมา ได้แต่ดูผ่านๆ กับเพื่อนในโลกออนไลน์ที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เมื่อมาสัมผัสจริงๆ พบว่ามันเป็นตลาดน้ำที่พลุกพล่าน คนเป็นหนอน

เมื่อเดินไปถึงปากทางเข้าตลาดก็ได้ยินเสียงเครื่องขยายเสียงลอยลม

“พ่อแม่พี่น้องครับ ก่อนจะเข้าไปเที่ยวชมตลาดของเรา แวะทำบุญทำทานกันก่อนนะครับ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว มีโชคลาภ”

เสียงนั้นทำให้แม่หยุดกึก

“ไอ้พรเขาว่าอะไรนะ” แม่ถาม

“เขาว่าให้ทำบุญก่อนเข้าตลาด” สมพรตอบแม่ไป

“ไอ้พงษ์เอ็งรีบเดินเร็วๆ แม่จะไปดูหน่อย” อากัปกิริยาของแม่เปลี่ยนไปทันที จากที่ดูอ่อนล้าเหมือนจะหมดแรงกลับมาดูกระปรี้กระเปร่าทันที

“แม่ได้น้ำทิพย์ชโลมใจเข้าแล้ว” สมพงษ์กระเซ้า ขณะที่จูงแม่เดินเข้าไปในเต็นท์ผ้าใบ

“ทีแรกไอ้พรเอ็งพาข้ามาที่นี่ก็พอ ไม่ต้องตระเวนไปตามวัดให้เสียเวลา เสียเงินค่าน้ำมันรถเปล่าๆ ปลี้ๆ” แม่ว่าขณะที่ถอดรองเท้าแล้วตรงรี่ไปที่โต๊ะวางดอกไม้ธูปเทียน

“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ” สมพรตอบเป็นเสียงเพลง

แม่เอาแบงก์ยี่สิบหยอดลงในตู้บริจาค คว้าดอกไม้ธูปเทียนทองมานั่งลงบนเก้าอี้ สมพงษ์เอาธูปกับเทียนไปจุดส่งให้แม่

ดวงตาบนใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชราวัย 88 ปีเปล่งประกายความสุขออกมาในขณะที่ปากท่องขมุบขมิบ สมพรเหลือบมองดูแล้วอมยิ้ม เสร็จแล้วแม่ก็ลุกขึ้นเดินเอาธูปเทียนไปปัก เอาดอกไม้ใส่ลงในแจกัน ก่อนจะเดินไปปิดทองพระพุทธรูปซึ่งตั้งเรียงรายกันอยู่ 9 องค์

สมพรสังเกตว่าพระพุทธรูปทั้ง 9 องค์นั้นมีทองปิดอยู่เพียงหร็อมแหร็ม เขาอาจจะเอามาตั้งที่นี่ไม่นาน หรืออาจจะเป็นเช้าวันนี้เลยก็ได้

หลังจากปิดทองเสร็จแม่ก็ไปทำบุญโลงศพ บอกว่าตายแล้วจะได้มีคนซื้อโลงให้ ไปเติมน้ำมันตะเกียงหวังว่าจะมีชีวิตยืนยาวถึงอายุ 90 ปี ต่อด้วยไถ่ชีวิตโค-กระบือโดยเอาหญ้าให้มันกินและเอามือลูบหัวมันเบาๆ บอกว่าคิดถึงพวกมันที่เคยขี่ตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเดี๋ยวนี้แถวบ้านแทบไม่มีให้เห็นแล้ว เจ้าควายก็ค่อยๆ กินหญ้าที่แม่ป้อนอย่างไม่รีบร้อน และสุดท้ายแม่ก็ไปปล่อยปลา แม่บอกว่าตายแล้วชีวิตข้าจะได้มีอิสระ ไม่ต้องถูกจองจำอยู่ในนรก

“ไหว้เสร็จแล้วพาข้าไปเดินตลาดหน่อย” แม่เป็นฝ่ายชักชวน

“คนเยอะนาแม่ แม่อยากได้อะไร เดี๋ยวเขาเข้าไปซื้อให้ก็ได้” สมพงษ์เสนอตัว

“ไม่เป็นไร ข้าอยากไปดูเลขสักหน่อย”

แม่ว่าแล้วก็เดินนำหน้าไปยังสะพานไม้ที่ข้าม สมพงษ์รีบเดินตามไปประกบ เพราะได้ยินสะพานสั่นลั่นเอี๊ยดอ๊าดเวลาคนเดินผ่าน เกรงว่าแม่จะพลาดท่าตกลงไปว่ายน้ำในลำคลองเสียก่อนจะข้ามสะพานไป