Bristol Hi-Fi Show 2023

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แวดวงเครื่องเสียงที่อังกฤษได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่องานโชว์ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดและได้จัดติดต่อกันมายาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักร ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากเว้นวรรคไปสองสามปี จากสาเหตุที่คุณๆ ก็รู้ ว่าเพราะอะไร

งานที่ว่าก็คือที่จ่าหัวเอาไว้นั่นแหละครับ ซึ่งหนนี้นับเป็นครั้งที่ 34 โดยมีผู้เข้าร่วมนำสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบภาพ ระบบเสียง มาประชันกันมากกว่า 160 ราย

โดยงานจัดขึ้นภายใน Delta Hotels by Marriot ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองบริสตอล

จำได้ว่างานหนสุดท้ายก่อนจะหยุดไปเมื่อสามปีที่แล้ว ผมได้นำบรรยากาศงานมาเล่าสู่กันฟัง ด้วยมีพรรคพวกคอเดียวกันที่อยู่ทางแถบโน้นได้ไปตระเวนชม แล้วบอกเล่ามา ก็เลยนำมาถ่ายทอดต่อ แต่งานปีนี้ปรากฏว่าช่วงงานนั้นทั้งพรรคพวก เพื่อนฝูง รวมถึงน้องนุ่งที่เคยไหว้วานให้เป็นหู (ช่วยฟังแทน) เป็นตา (ช่วยดูแทน) เวลามีอะไรน่าสนใจทำนองนี้ ต่างพากันกลับเมืองไทยแบบไล่ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย งานหนล่าสุดเที่ยวนี้ก็เลยไม่มีใครช่วยเป็นหูเป็นตาแทนให้

ก็เลยไปไล่ดูตามสื่อต่างๆ ที่เขารายงานถึงพวกผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่เป็นพัฒนาการล่าสุดกับที่น่าสนใจ แล้วเก็บความมาเล่าสู่กันฟังแทน และคัดเฉพาะแบรนด์ที่มีผู้นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา

เผื่อใครเป็นแฟนานุแฟนค่ายไหนก็จะสามารถตามต่อกันได้ตามอัธยาศัย

Vintage Fifteen

เริ่มกันที่ลำโพงจากค่ายที่อาจจะเรียกได้ว่าน้องใหม่ เพราะอายุอานามเพิ่งจะประมาณสิบขวบเท่านั้นเอง แต่เบื้องหลังนั้นล้วนมือเก่าเก๋ากึ๊กของวงการทั้งนั้น เพราะยกขบวนกันออกมาจาก Tannoy แบรนด์ลำโพงระดับตำนานของสหราชอาณาจักร ลำโพงส่วนใหญ่ที่ออกมาจึงมีประพิมพ์ประพายอันละม้ายคล้ายกันยิ่งนัก ทั้งรูปแบบโครงสร้างตู้ การใช้วัสดุ การจัดวางชุดตัวขับเสียงที่เป็นแบบ Dual Concentric อันเลื่องชื่อของแทนนอย

ลำโพงแบรนด์ที่ว่าซึ่งหลายๆ สำนักสื่อจับตามมองคือ Fyne Vintage Five ที่จำลองรุ่นเรือธง Vintage Fifteen (บ้านเราแปะป้ายเอาไว้ที่คู่ละ 1.8 ล้านบาท) แบบถ่ายเอกสารย่อลงมาอย่างไร ก็อย่างนั้น ขณะที่มีราคาต่ำกว่ากันเกือบ 10 เท่า โดยที่สุ้มเสียงนั้นไม่แน่ใจว่าจะก้าวตามแนวทางที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดในทุกๆ ด้านของรุ่นพี่เอาไว้ได้แค่ไหน เนื่องเพราะยังไม่มีใครได้ทดสอบอย่างจริงจัง ด้วยเพิ่งมาเห็นพร้อมๆ กันในงานนี่ละ ซึ่งแค่เห็นแทบทุกรายก็ซู้ดปากแล้วล่ะครับ

ใครที่เคยฟัง Fyne Vintage Fifteen ผ่านหูมาแล้ว แต่เกินจะรับกับราคาไหว ลองสอบถามไปยังผู้นำเข้าดู ตอนนี้เตรียมล้างหูรอได้เลยครับ

Rega Naia Celebrates 50 Years of Turntable Design

มาดูที่ฝั่ง Rega Research กันบ้าง

หลายๆ คนให้รู้สึกตื่นตาไปกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวต้นแบบรุ่น Naia ที่จะออกมาเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีของค่ายในปีนี้ ด้วยการจำลองเรือธงที่เป็น Limited Edition รุ่น Naiad (ซึ่งจำกัดจำนวนการผลิตเอาไว้ที่ 50 แท่นเครื่อง และมีค่าตัว 30,000 ปอนด์) ออกมาด้วยโครงสร้างที่ใช้วัสดุแบบเดียวกัน โดยเฉพาะตัวแท่นคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ประกอบเข้ากับแกนโฟมและเซรามิก รวมทั้งแกนหมุนกับตลับลูกปืนที่เป็น ZTA : Zirconia Toughened Alumina ภาคจ่ายกระแสเป็นพัฒนาการล่าสุดและห่อหุ้มอยู่ในกลักเฉพาะที่มีความมั่นคงแข็งแรงสูง

ส่วนโทนอาร์มเป็นรุ่น RB Titanium ระบบขับหมุนด้วยสายพานที่มีความเสถียรสูงสุดแบบ Triple Drive Belt ซึ่งให้บุคลิกเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Rega Naia กำหนดลงตลาดปลายปีนี้ ซึ่งจะมาพร้อมหัวเข็ม MC รุ่น Aphelion 2 โดยวางค่าตัวทั้งชุดเอาไว้ที่ 12,000 ปอนด์ แต่สามารถซื้อเฉพาะแท่นกับโทนอาร์มได้ในราคา 9,200 ปอนด์ ส่วนหัวเข็มปกติราคา 3,465 ปอนด์

นั้นหมายความว่าถ้าให้ติดตั้งหัวเข็มมาจากโรงงานเลย ก็จะประหยัดไป 655 ปอนด์

Audiolab 7000A Integrated Amp

ทางด้านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์นั้น แบรนด์ขวัญใจนักเล่นบ้านเราอย่าง Audiolab มีเครื่องระดับกลางของค่าย (ซึ่งเป็นกลุ่มขวัญใจมหาชน) ออกมาให้เห็นจากตระกูล 7000 Series โดยมีอยู่ด้วยกันสามรุ่น คือ 7000A Integrated Amp., 7000CDT CD Transport และ 7000N Music Streamer

โดยแอมป์ 7000A นั้น มี Line-Level Input แบบ RCA ให้สามชุด ภาคโฟโน สเตจ รองรับหัวเข็ม MM ได้ปรับปรุงขึ้นจากรุ่น 6000A (ที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก) รวมทั้งรองรับการสตรีมผ่านบลูทูธที่ได้ปรับปรุงจาก aptX เป็น aptX HD

ส่วนดิจิทัล อินพุต มีให้ทั้ง Coaxial และ Optical อย่างละสองชุด พร้อมพอร์ต USB Type-B ที่รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงทั้งจาก Mac และ PC ได้ถึงระดับ PCM32-bit/768kHz และ DSD512

ตั้งค่าตัวเอาไว้ที่ 1,099 ปอนด์ ซึ่งถูกกว่ารุ่นเรือธง 9000A อยู่ 900 ปอนด์

JBL L100 Classic

มาดูค่ายที่ท่องอยู่ในยุทธจักรลำโพงอย่างโชกโชนเช่น JBL กันบ้าง ในปีนี้ที่สะดุดตามากกว่าอื่นใดก็คือ ลำโพงรุ่น L100 Classic ซึ่งมากับโครงสร้างตู้อันทันสมัยแบบ Glossy Black ภายใต้ภาพลักษณ์ที่เป็น Retro ก็เลยทำให้ดูแปลกตาอยู่ไม่น้อย

นอกจากลำโพงรุ่นนี้แล้วยังมีซาวด์บาร์รุ่นใหม่ คือ Bar 1300 มาวางโชว์ด้วย ซึ่งเป็นรุ่นที่ยังไม่มีวางจำหน่ายในตลาดแต่อย่างใด มาพร้อมกับชุดสับ-วูฟเฟอร์ และลำโพงคู่หลังแบบแยกชิ้น ที่ทำงานร่วมกันผ่านระบบไร้สาย ทั้งยังมีลำโพงสตูดิโอ มอนิเตอร์ รุ่นใหม่อย่าง 4329P มาโชว์ด้วย ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานได้ไม่น้อย

ขณะเดียวกันชุดอิเล็กทรอนิกส์แบบแยกชิ้นรุ่นใหม่ตระกูล Classic Series ทั้งแอมปลิไฟเออร์ เครื่องเล่นแผ่นซีดี และมิวสิก สตรีมเมอร์ รวมทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียง ยังช่วยทำให้บรรยากาศห้องโชว์ของ JBL มีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา

และผลิตภัณฑ์ที่ต้องบอกว่ากระชากสายตาของผู้คนได้อย่างมีมนต์ขลังอีกชิ้นก็คือ Musical Fidelity M8xxt เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่กล่าวได้ว่าเป็นพัฒนาการต่อมาของ Model M1 ที่ออกตลาดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 โน่น โดดเด่นด้วยโครงสร้างภาพลักษณ์ที่ขึ้นรูปด้วยวัสดุโปร่งใสประกอบโลหะ ที่ขณะให้ความรู้สึกแลดูสวยงามก็ให้รับรู้ได้ถึงความมั่นคงแข็งแรงอย่างบึกบึนอยู่ในทีเช่นกัน

ดังที่เห็นในรูปนั่นแหละครับ

Nu-Vista PRE

อีกเครื่องระดับพรีเมียมที่น่าสนใจของค่ายนี้ คือ Nu-Vista PRE ปรีแอมป์ที่เป็นแบบ Fully Balanced, Class-A ซึ่งเป็นอะนาล็อกทั้งหมด โดยมี Line Level Input ให้ 12 ชุด แบ่งเป็น RCA และ Balanced XLR อย่างละหกชุด เป็นเครื่องที่ต้องบอกว่า ‘สเป๊กเทพ’ อย่างแท้จริง ด้วยการวัดค่าอัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน (S/N Ratio) ได้ดีกว่า 120dB วัดค่าการแยกช่องสัญญาณ (Channel Separation) ตลอดย่านความถี่ 20Hz – 20kHz ได้ดีกว่า 100dB ให้การทำงานตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 5Hz ไปจนถึง 100kHz ด้วยค่าความเบี่ยงเบน +0/-1dB และวัดค่าความเพี้ยนฮาร์โมนิกรวม (THD) ตลอดย่านความถี่ออดิโอได้เพียง 0.002%

Musical Fidelity Nu-Vista PRE แยกภาคจ่ายกระแสหรือเพาเวอร์ ซัพพลาย ออกเป็นอีกเครื่องต่างหาก จึงนอกจากจะให้การทำงานที่ถูกต้อง เที่ยงตรง และแม่นยำอย่างถึงที่สุดแล้ว ยังให้น้ำเสียงที่กระจ่างใส บริสุทธิ์ และมีความเป็นธรรรมชาติอย่างสมบูรณ์

และมาพร้อมรีโมตคอนโทรล ที่ผู้ผลิตบอกว่าเสมือนยกแผงหน้าปัดของเครื่องมาไว้ในฝ่ามือนั่นเทียว •

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]