เปิดโผรถเด่น ‘มอเตอร์โชว์ 2023’ ‘ยุโรป-ญี่ปุ่น-จีน’ ครบทุกเซ็กเมนต์

สันติ จิรพรพนิต

เปิดฉากเรียบร้อยงาน “มอเตอร์โชว์ 2023” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดยาวถึงวันที่ 2 เมษายนนี้

ตามธรรมเนียมของงานมีรถรุ่นใหม่ๆ พาเหรดอวดโฉมกันอย่างคึกคัก

แต่ด้วยพื้นที่ของ “ยานยนต์ สุดสัปดาห์” มีจำกัด จึงขอยกตัวอย่างรถรุ่นเด่นๆ ที่เป็นไฮไลต์ของงานมาแนะนำกัน

พลาดไม่ได้กับ “โตโยต้า ยาริส” ที่เพิ่งนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ขอเอ่ยถึงเพียงคร่าวๆ

กระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้า Projector LED กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ แบบ “Diffuser Style”

มีออปชั่นชุดแต่งให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย LUSSO, PRESTO และ CHIARO

ภายในรุ่นท็อปจะได้เบาะทูโทนแดง-ดำ ตกแต่งด้วยสีเปียโนแบล็กตามจุดต่างๆ

พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตระบบมัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดเรืองแสงแบบ 3 วงกลมพร้อมจอ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว

หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบลอยตัว ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ลำโพง 6 ตำแหน่ง

รวมถึงกดเปลี่ยนดูภาพจากกล้องรอบคันได้

เครื่องยนต์บล็อกเดิม DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual VVT-iE ความจุ 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที

เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock

มีระบบ “Toyota Safety Sense” ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ราคา 559,000-694,000 บาท

ส่วนคู่แข่งในตลาดเก๋งอย่าง “ฮอนด้า” แนะนำ “WR-V” เอสยูวีไซซ์เล็ก มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย SV ราคา 799,000 บาท และ RS ราคา 869,000 บาท

เด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยวทันสมัย กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED sequential ระบบเปิดปิดอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับไฟฟ้า สาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

รุ่น RS ดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

ห้องโดยสารกว้างขวาง วัสดุตกแต่งภายในสีดำ Piano black และตกแต่งแถบสีเงิน

พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

เชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ลำโพง 6 ตำแหน่ง

เครื่องยนต์ DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร ระบบเกียร์ CVT กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตร

เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน

อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน

กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ฯลฯ

หากจองและรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ แถมประกันภัย 1 ปี ดอกเบี้ย 2.29% และฟรี Modulo Sport Collection มูลค่า 2,285 บาท

ฟาก “เอ็มจี” ต่อยอดความสำเร็จของรถครอบครัวพลังไฟฟ้า ส่ง “เอ็มจี อีเอส” (NEW MG ES) สานต่อความสำเร็จจากรุ่น “เอ็มจี อีพี”

ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED โฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว

ห้องโดยสารเน้นเรียบหรู กว้างขวาง ดีไซน์ ENERGETIC BLUE STRIP พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats รองรับสรีระของผู้นั่ง

พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์

หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android

คอนโซลแบบ DOUBLE LAYER พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล

เส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40

 

พลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใหม่ SAIC E1 THREE – ELECTRIC SYSTEM

แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge 0-80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0-100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที

รองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์

ติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัวระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ฯลฯ

ด้านค่ายหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” มีรุ่นธงรถไฟฟ้าเอสยูวี “EQB 250 AMG”

ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ GLB ตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling

กระจังหน้าแบบ Radiator grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมียมแบบ Twin blade

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)

ล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว

เปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ

ภายในดีไซน์แบบ AMG ตั้งแต่คอนโซลหน้าไปจนถึงเบาะหนังสไตล์ AMG

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Nappa หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว

หน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX6 เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto

หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยก 2 โซนแบบ THERMOTRONIC พร้อมการควบคุมระบบปรับอากาศผ่านสมาร์ตโฟน

 

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motor) พลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลา 8.9 วินาที

แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage) ความจุ 66.5 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

การชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 32 นาที

การชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที

ระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ

ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด

ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ ฯลฯ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQB 250 AMG Line ราคา 3,020,000 บาท •

 

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]