พิศณุ นิลกลัด : 2 พี่น้องยอดโฆษกมวย

พิศณุ นิลกลัด

วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 73 ปีของ ไมเคิล บัฟเฟอร์ โฆษกผู้ประกาศบนเวทีมวย หรือ Ring Announcer ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดในโลก

นิตยสารฟอร์บส์ประมาณว่า ปัจจุบันนี้ ไมเคิล บัฟเฟอร์ มีทรัพย์สินเงินทองกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือ 13,200 ล้านบาท จากการทำหน้าที่โฆษกบนเวทีมวยมาตั้งแต่ปี 1982 ตอนอายุ 38 ปี

การชกมวยครั้งใดที่มี ไมเคิล บัฟเฟอร์ ทำหน้าที่โฆษกผู้ประกาศบนเวที จะทำให้การชกนั้นมีราคา มีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกในสายตาแฟนมวย

ถาม ไมเคิล บัฟเฟอร์ ว่า มีเคล็ดลับอะไรในการเป็นโฆษกประกาศบนเวทีมวยที่ดี

บัฟเฟอร์ตอบว่า ต้องทำให้นักมวยเป็นจุดสำคัญที่สุดของการประกาศ

ก่อนที่นักมวยจะเดินขึ้นเวที เขาจะไปพบกับนักมวยทั้งคู่ที่ห้องแต่งตัว เพื่อดูว่านักมวยสวมกางเกงสีอะไรขึ้นเวที

และถามว่าชื่อนักมวยอ่านออกเสียงให้ถูกต้องอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักมวยจากประเทศในยุโรปตะวันออก และทวีปเอเชีย แล้วบัฟเฟอร์ก็เขียนคำอ่านออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษตามเสียงอ่านชื่อที่เขาถามมาเรียบร้อยเพื่อความแน่ใจแบบภาษาคาราโอเกะ

ชูการ์ เรย์ เล็นเนิร์ด อดีตยอดมวยโลก กล่าวชื่นชมไมเคิล บัฟเฟอร์ ว่าเวลาที่ ไมเคิล บัฟเฟอร์ กล่าวแนะนำตัวนักมวยบนเวที ทำให้นักมวยรู้สึกอยากชก

 

ค่าตัวปัจจุบันของไมเคิล บัฟเฟอร์ ในการเป็นโฆษกประกาศบนเวทีมวยนั้น สูงถึง 50,000 ดอลลาร์ หรือ 1,650,000 บาท ต่อการชก 1 รายการ

หลายคนอาจสงสัยว่า ไมเคิล บัฟเฟอร์ ได้รับการว่าจ้างให้ทำหน้าที่โฆษกผู้ประกาศบนเวทีมวยถี่มากเลยหรือ ถึงมีเงินหมื่นกว่าล้านบาท

คำตอบคือ ไมเคิล บัฟเฟอร์ ไม่ได้ร่ำรวยมาจากเงินค่าจ้าง

แต่มาจากค่าลิขสิทธิ์ ประโยคที่ฮิตติดหู “Let”s get ready to rumble!” ที่เขาประกาศบนเวทีตอนแนะนำตัวนักมวยก่อนชก

บัฟเฟอร์คิดประโยค “Let”s get ready to rumble!” เมื่อปี 1984

พอปี 1992 บัฟเฟอร์จดเครื่องหมายการค้าของประโยคนี้ ซึ่งใครจะใช้ประโยคนี้เพื่อการค้าต้องขออนุญาตบัฟเฟอร์ และเสียค่าธรรมเนียม ทำให้บัฟเฟอร์ร่ำรวยมหาศาล

วิดีโอเกมต่อยมวยต่างๆ ตั้งแต่สมัยเกมนินเทนโด้ เกมบอย หรือเพลย์สเตชั่น ต้องจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ในการใช้ประโยค “Let”s get ready to rumble!”

Rumble แปลว่า เสียงดัง เสียงกระหึ่ม

แต่ถ้าเป็นคำสแลง แปลว่าการต่อสู้

ดังนั้น “Let”s get ready to rumble!” จะแปลว่าเตรียมลุยกันได้แล้ว หรือเตรียมเชียร์กันให้กระหึ่ม ก็ได้ทั้ง 2 นัย

 

ที่มาของประโยคนี้ บัฟเฟอร์บอกว่าเอามาจากคำพูดของมูฮัมหมัด อาลี ที่พูดว่า “I”m ready to rumble.” หรือ “ผมพร้อมชกแล้ว” ก่อนจะชกชิงแชมป์โลกกับ จอร์จ โฟร์แมน ในศึก Rumble in the jungle ที่ประเทศซาอีร์ เมื่อปี 1974 ซึ่งบัฟเฟอร์ก็เอาประโยคนั้นมาดัดแปลง และกลายเป็นประโยคฮิต

ปี 2009 บัฟเฟอร์เข้ารับการรักษามะเร็งที่ต่อมทอนซิล ซึ่งตอนนี้หายแล้ว โดยผ่าเนื้อร้ายสองก้อนออกจากลำคอ บัฟเฟอร์เล่าว่าตอนตื่นหลังจากผ่าเสร็จ ประโยคแรกที่พูดเพื่อทดลองเสียงคือ Ladies and Gentlemen เหมือนตอนประกาศบนเวทีมวย ซึ่งพอเสียงออกมาดีเหมือนเดิมก็ดีใจมาก บัฟเฟอร์บอกว่าตอนที่เขาเป็นมะเร็งที่ต่อมทอนซิล ทำให้เขาได้คิดว่า ไม่ว่าชีวิตจะมีโชคมากมายเพียงใด แต่ชีวิตอาจสั้นกว่าที่เราคิด ดังนั้น ควรมีความสุขกับชีวิตทุกวัน

บัฟเฟอร์เคยประกันเสียงตัวเอง หากเสียงหาย ทำงานไม่ได้ จะได้เงินค่าประกัน แต่ตอนนี้รวยมหาศาลจึงไม่จำเป็นต้องประกันเสียงแล้ว

สำหรับเคล็ดลับในการรักษาเสียง ไมเคิล บัฟเฟอร์ บอกว่า เขาจะพกชาและน้ำผึ้งติดกระเป๋าเวลาเดินทาง และหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์บ่อยเกินเหตุ

เวลาให้สัมภาษณ์ เขาก็จะตอบด้วยเสียงเบาๆ ไม่ตะโกนเหมือนตอนเป็นโฆษกบนเวทีมวย

นักข่าวถามบัฟเฟอร์ว่าลิขสิทธิ์ประโยคฮิต “Let”s get ready to rumble!” จะมอบเป็นมรดกให้ลูกชาย 2 คนหรือเปล่า

บัฟเฟอร์บอกว่า หากไม่ขายก็จะมอบให้ลูกชาย

 

ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าลูกชายทั้งสองคนของไมเคิล บัฟเฟอร์ จะเจริญรอยตามพ่อ เป็นโฆษกผู้ประกาศบนเวทีมวยหรือเปล่า

แต่ บรู๊ซ บัฟเฟอร์ น้องชายคนละแม่แต่พ่อเดียวกันได้เจริญรอยตามพี่ชาย เป็นโฆษกผู้ประกาศการต่อสู้ MMA ของสถาบัน UFC นอกเหนือไปจากการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและเอเย่นต์ดูแลผลประโยชน์ของ ไมเคิล บัฟเฟอร์ ผู้เป็นพี่ชาย

บรู๊ซ บัฟเฟอร์ วัย 60 ปี เป็นโฆษกการต่อสู้ MMA หมายเลข 1 ของโลกอยู่ตอนนี้ ค่าตัวของเขาอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์ หรือ 3.3 ล้านบาท ต่อการสู้ UFC 1 รายการ แต่ละรายการบางทีมีการต่อสู้มากกว่า 10 คู่ ที่ชกกันหลายคู่ขนาดนี้เพราะ MMA แพ้ชนะกันเร็วกว่ามวยสากลมาก บางคู่สู้กันไม่ถึง 1 นาทีก็แพ้ชนะกันแล้ว

บรู๊ซ บัฟเฟอร์ เริ่มเป็นโฆษกประกาศการต่อสู้ของ UFC ตั้งแต่ปี 1996 ตลอดระยะเวลา 17 ปี มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นโฆษก

ในการชกคู่เอก หรือ Main Event ประโยคฮิตของบรู๊ซ บัฟเฟอร์ ที่ติดหูของแฟน UFC คือ “It”s time!” หรือ “ถึงเวลาแล้ว” ซึ่งจะพูดเฉพาะการชกคู่เอก ซึ่งชกเป็นคู่สุดท้ายคู่เดียวเท่านั้น และจะออกลีลามากกว่าไมเคิล บัฟเฟอร์ คือ จะเดินไปหานักสู้ตอนประกาศชื่อ รวมทั้งกระโดดด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานว่า บรู๊ซ บัฟเฟอร์ จดลิขสิทธิ์ประโยค “It”s time!” ได้สำเร็จหรือเปล่า

บรู๊ซ บัฟเฟอร์ บอกว่า การเป็นโฆษกประกาศการต่อสู้ UFC ต้องมีการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพเสียงอย่างเข้มงวด เขาเข้าห้องอบไอน้ำหรือ Steam room ในสปาเป็นประจำ บอกว่าไอน้ำนั้นดีต่อเส้นเสียง เวลาทำหน้าที่โฆษกจะมีน้ำผึ้งวางไว้ข้างเวที เหมือนกับน้ำมันหล่อลื่นเส้นเสียง และข้างเวทีก็จะมีลูกอมฮอลล์รสเมนโท-ลิปตัส ไว้อมหากเจ็บคอ

1 วันก่อนการต่อสู้ UFC บรู๊ซ บัฟเฟอร์ ก็จะเก็บตัวราวกับเป็นนักสู้ จะไม่ไปปาร์ตี้ ไม่เที่ยวคลับ ไม่ตะโกนเสียงดัง เพื่อให้ร่างกายสด เสียงสด พร้อมออกลีลาประกาศการชกบนเวที

เรียกว่าเป็นมืออาชีพทั้งพี่ทั้งน้อง