สะพาน ยาววว… โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

ภาพสะพานจากเฟซบุ๊ก Army PR Center

เหมาะสม ถูกต้อง ทุกประการ

ที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคนรับพระราชทานพรปีใหม่ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปเป็นแนวทางในการทำงาน ดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน

เพราะพระราชดำรัสเนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2560 แก่ประชาชนชาวไทยเหมาะสมที่จะยึดเป็นแนวปฏิบัติจริงๆ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า

“…คนไทยนั้นมีจิตใจดี มีความกตัญญูกตเวที มีความเอื้ออารีต่อกัน

มีความรักชาติรักแผ่นดิน เป็นคุณสมบัติประจำชาติ

และมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ชนชาติอื่นใด

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาหรือเหตุไม่ปกติใดๆ เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา

ก็เชื่อได้ว่า ถ้าเราจะร่วมกันคิดอ่านและช่วยกันปฏิบัติแก้ไข

 

ทุกสิ่งทุกอย่างจะสามารถคลี่คลายลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน

ในปีใหม่นี้ขอให้ชาวไทยทุกคนตั้งใจให้แน่วแน่ที่จะรักษาคุณสมบัตินี้ให้เหนียวแน่น

และทำความคิดจิตใจให้แจ่มใสด้วยปัญญาที่กระจ่าง

พิจารณาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงโดยปราศจากอคติ

ให้มีความมุ่งมั่น มีกำลังใจในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ในภาระหน้าที่ตามแนวพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ให้

งานทุกอย่างสำเร็จผล เป็นความดีความเจริญ ทั้งแก่ตนเอง แก่ส่วนรวม และประเทศชาติ เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ในการนี้ ข้าพเจ้าขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับประชาชนชาวไทยโดยเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานเช่นกัน”

ขนาดสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามแนวทางนั้น

แล้วรัฐบาล และรวมถึงเราคนไทยทุกคนจะนิ่งเฉยได้อย่างไร

จึงได้บอกตั้งแต่บรรทัดแรกว่า “เหมาะสม ถูกต้อง ทุกประการ” ที่จะดำเนินรอยตามพระราชดำรัส

ส่วนตั้งแต่บรรทัดต่อไปนี้ ขอให้เป็นสิทธิส่วนบุคคลก็แล้วกัน ว่าจะเห็นเหมาะสม ถูกต้อง ทุกประการ หรือไม่

ว่าด้วยเพลง “สะพาน” ที่ถูกกลั่นออกมาจากหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อปลุกใจรัฐมนตรีให้เข้มแข็งนั่นแหละ

“…ฉันพร้อมจะเป็นสะพาน เพื่อให้เธอข้ามไป ปลายทางที่ฝัน จะพาถึงฝั่ง ดั่งที่ตั้งใจ…”

ว่าตามจริง ก็ฟังไพเราะ เนื้อหาดี

กระนั้น เมื่อ “พิจารณาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงโดยปราศจากอคติ” แล้ว

หากเพลงนี้แต่งขึ้นตั้งแต่ขวบปีแรกของการรัฐประหาร ก็อาจจะหลับตาฝันไปกับ “สะพาน” ด้วย

กระนั้น ธรรมชาติของ “สะพาน” มีขึ้น และมีลง

เวลา “ขึ้น” ต้องเหยียบคันเร่ง ส่วนเวลา “ลง” ต้องผ่อนคันเร่งและเหยียบเบรก

ถามว่า แล้วเวลานี้เรา “ควร” อยู่ในภาวะ “ขึ้น” หรือ “ลง” สะพาน

โดยส่วนตัวเห็นว่า เวลาปีหรือปีกว่าๆ จากนี้ไปเราควรอยู่ในภาวะ “ลง” เพื่อจะกลับไปสู่ประชาธิปไตย “ตามสัญญา”

แต่มองเข้าไปในศูนย์กลางอำนาจตอนนี้ เห็นเหยียบคันเร่งกันเมามัน

ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ เห็นจะตั้งคณะขึ้นมาอีก 4 คณะ คือ

1) คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 2) คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 3) คณะกรรมการปรองดอง และ 4) คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์

ฟังชื่อและเห็นภารกิจแล้ว ลองตั้งคำถามตัวเองดู

เรากำลัง “ขึ้นสะพาน” หรือกำลัง “ลงสะพาน”

ทำไมไม่มีคณะกรรมการเตรียมการส่งผ่านภารกิจให้กับรัฐบาลเลือกตั้งอย่างราบรื่น อะไรทำนองนี้บ้าง

หรือเรากำลังพูดถึงสะพานย้าวยาวววว…

ควบปุเลงๆ กันมา 2-3 ปีแล้ว ขึ้นอย่างเดียว ไม่มีลง