“ซิโก้” อยู่หรือไป? คำถามที่ไม่ตรงประเด็น

คอลัมน์ เขย่าสนาม

เป็นประเด็นดราม่าใหญ่โตกับกระแสข่าวว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะไม่ต่อสัญญากับ “โค้ชซิโก้” “เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” หัวหน้าผู้ฝึกสอน “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งสัญญากำลังจะหมดลงในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

สำหรับข่าวนี้ออกมาหลังจากที่โค้ชซิโก้เพิ่งพาทีมช้างศึกป้องกันแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016” เพียง 2 วันเท่านั้น แถมยังมีการเปิดเผยอีกด้วยว่า “บิ๊กอ๊อด” “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ติดต่อโค้ชชาวอาร์เจนตินามาทำงานไว้แล้วด้วย ก่อนจะมีการปฏิเสธหลังจากนั้น

น่าแปลกที่กุนซือที่พาทีมประสบความสำเร็จกลับต้องมีข่าวว่าจะตกงาน การทำงานในฐานะกุนซือทีมชาติไทยตลอด 2 ปีกว่า แฟนบอลได้เห็นถึงกระแสความศรัทธาในฟุตบอลทีมชาติไทย ความสำเร็จที่วนกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้จะอยู่ในระดับภูมิภาคอาเซียนก็ตาม

โค้ชซิโก้บอกว่า ไม่ได้กังวลกับเรื่องการไม่ได้สัญญาใหม่ เพราะมีงานที่บริษัท สปอร์ตฮีโร่ จำกัด ที่ศรีภรรยาทำอยู่แล้ว ตัวเองก็กลับไปช่วยทำ และยอมรับว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะอยู่หรือไปก็เป็นวิถีของอาชีพโค้ช

ขณะที่นายกอ๊อดออกมายืนยันว่า ข่าวที่ออกมายังไม่ใช่บทสรุป แต่ต้องมีการพูดคุยกันอย่างละเอียด เพราะจากการที่ได้หารือกับ “โค้ชเฮง” “วิทยา เลาหกุล” ประธานฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แล้ว อดีตไทยเคยใช้ “ปีเตอร์ วิธ” เฮดโค้ชชาวอังกฤษมาคุมทัพ และมี “วิรัช ชาญพานิช” กับ “ธวัชชัย สัจจกุล” มาคอยช่วยดูแลทีม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะโค้ชต่างชาติเก่งแท็กติก แต่โค้ชไทยรู้จักฝีเท้านักเตะ ซึ่งดีกันไปคนละแบบ

คำตอบเหล่านี้ตีความไปได้ว่า โอกาสจะดึงโค้ชต่างชาติมาก็เป็นไปได้สูง แต่อยากให้ซิโก้อยู่กับทีมชาติต่อไป เพราะตอนนี้ศรัทธาแฟนบอลต่อตัวโค้ชซิโก้ถือว่ามากอยู่

ถ้าปลดออกไปจริงๆ อาจจะเกิดการแอนตี้สมาคมได้

ที่ผ่านมาได้เห็นโค้ชซิโก้สร้างทีมชาติชุดใหม่ขึ้นมา โดยเลือกนักเตะที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง ตัดแข้งทีมชาติตัวเก๋าออกไปแบบไม่มีโอกาสได้กลับมารับใช้ชาติอีกเลย ดึงนักเตะหน้าใหม่ที่ปลุกปั้นกันมาตั้งแต่เริ่มคุมชุดซีเกมส์ 2013 มาติดทีมชาติชุดใหญ่ ผลงานชิ้นแรกที่เขาทำได้ คือ พาทีมชาติกลับมาทวงแชมป์ซีเกมส์ได้อีกครั้ง ในซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า ในปี 2013 ทวงแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 มาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี คว้าอันดับ 4 ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ พาทีมเข้ารอบคัดเลือก รอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย และป้องกันแชมป์ซูซูกิ คัพ ได้อีกสมัย

อย่างไรก็ตาม ผลงานตรงนี้ก็เป็นความสำเร็จที่ฟุตบอลไทยได้สำเร็จกันมาแล้ว ในหลายยุคหลายสมัย ทำให้มีการถามถึงโอกาสที่ไทยจะประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้ เหรียญรางวัลในเอเชี่ยนเกมส์ การผ่านเข้ารอบลึกๆ ของฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย โอกาสในการลุ้นไปฟุตบอลโลกที่มากกว่าที่เป็นอยู่

ถ้าเจอคำถามเหล่านี้แล้ว ต้องยอมรับว่าโค้ชซิโก้ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าทัพช้างศึกจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะเขาไม่ใช่โค้ชเทวดา

แต่ดูจากผลงานในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบสุดท้ายแล้วนั้น ถึงแม้ไทยจะยังไม่มีคะแนนใน 5 นัดที่ผ่านมา แต่รูปเกมและสกอร์ก็ไม่ใช่ไปยืนให้คู่แข่งถลุงเล่นแต่อย่างใด มีพัฒนาการและมีข้อบกพร่องที่รู้ว่าจะต้องแก้ไขที่จุดไหน

“ถ้าผมได้ต่อสัญญา ผมก็จะเดินหน้าทำงานต่อ เพราะได้วางแผนไว้หมดแล้วว่าการจะเจอกับยูเออี อิรัก ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย จะต้องเล่นยังไง สามทีมจากตะวันออกไทยมีโอกาสชนะได้แน่นอน แต่ออสเตรเลียกับญี่ปุ่นจะพยายามทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด” โค้ชซิโก้ บอกไว้แบบนี้

ความเห็นของแฟนบอลในมุมที่ว่า เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นโค้ชที่ปั้นนักกีฬาได้เก่ง และควรจะให้ไปทำทีมชาติรุ่นเล็ก เพื่อสร้างอนาคตป้อนมาให้ทีมชาติชุดใหญ่ที่มีโค้ชต่างชาติดูแลอยู่น่าจะดีกว่า หรือไม่ก็ทำหน้าที่ผู้ช่วยของกุนซือนอก

ประเด็นนี้อาจจะคงเป็นไปได้ยาก เพราะในสถานะที่เคยไปกุนซือใหญ่มาแล้ว การจะถูกให้ถอยลงดูแลชุดเล็กอีกหรือต้องไปเป็นผู้ช่วยใครคงเป็นเรื่องเสียหน้า และน่าจะไม่รับตำแหน่งถึงแม้จะรักประเทศมากแค่ไหนก็ตาม

ฟุตบอลทีมชาติไทยในยุคนี้ถือว่าติดลมบนแล้ว คงต้องชื่นชมโค้ชซิโก้และทีมงานในการสร้างทีมชุดนี้ขึ้นมา แต่คงไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าถ้าเปลี่ยนโค้ชจริงๆ เอามือดีระดับโลกมาทำทีม ผลงานที่ดีอยู่จะก้าวกระโดดหรือถอยลงไปอีกกันแน่ เพราะ “ปีเตอร์ รีด, ไบรอัน ร็อบสัน, วินฟรีด เชเฟอร์” ที่มีชื่อชั้นก็ยังไม่สามารถพาไทยไปได้ไกลในระดับที่ซิโก้ทำได้ เอากันตรงๆ คือไปไม่ถึงด้วยซ้ำ

เรื่องนี้น่าจะมาจากการที่กุนซือนอกไม่มีข้อมูลนักเตะอยู่ในมือเหมือนที่บิ๊กอ๊อดว่า การเรียกนักเตะหน้าใหม่มาเสริมทีมชาติแต่ละครั้งจึงดูจากฟอร์มในลีกเป็นหลัก ไม่ได้รู้จักลึกซึ้งเหมือนคนไทยมองกันเอง

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือแม้แต่อิรัก ประสบความสำเร็จในเวทีเอเชียได้ เพราะมีระบบการทำทีมเป็นลำดับขั้นที่ได้มาตรฐาน เวียดนาม พม่า ก็มีนักเตะชุดเยาวชนที่ได้ไปแข่งฟุตบอลโลกในรุ่นตัวเองกันแล้ว อีกไม่นานแข้งเหล่านี้จะเติบโตมาเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่

แต่ไทยยังคงวนเวียนอยู่กับแชมป์อาเซียน ฝันถึงการได้ไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เหมือนคำที่ว่า “ตาดูดาว เท้าติดดิน”

นาทีนี้การที่โค้ชซิโก้จะได้สัญญาใหม่หรือไม่ ไม่น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกทางสักเท่าไร เพราะถ้าระบบเยาวชนยังไม่แข็งแรงพอ การได้โค้ชเก่งขนาดไหนมา ฟุตบอลทีมชาติไทยก็น่าจะยืนระยะอยู่ได้เท่าที่เห็นกันอยู่

ลองมองในมุมกลับ หาโค้ชต่างชาติที่เก่งในการปั้นเยาวชน ต่อสัญญาให้ซิโก้ทำงานต่อไปอีกสักระยะ ก็เป็นทางเลือกที่น่าลอง

อยู่ที่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่แถวๆ นี้จะลดทิฐิแล้วกล้าลองอะไรใหม่ๆ ดูอีกสักตั้งรึป่าว!