สนช.ยัน’ไม่มีใบสั่งคว่ำกม.ลูก’อัดฝ่ายการเมืองไร้เหตุผล ทีตอนขยาย90วันไม่เห็นโวย

“หมอเจตน์” ยัน วินาทีนี้ไม่มีใบสั่ง สนช.คว่ำ กม.เลือกตั้ง 2 ฉบับ เชื่อผ่านไปได้ด้วยดี ชี้เป็นตัวแปรขยับโรดแมป วันลต.อีกขั้นหนึ่ง

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วม 3 ฝ่าย มาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ว่า การทำงานจะเริ่มในสัปดาห์หน้า โดยมีเวลาทำงาน 15 วัน ซึ่งได้พูดคุยกันเบื้องต้นว่า กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย จะพิจารณาอยู่ในหลักที่เคยแสดงจุดยืนมาก่อน ซึ่งปกติก็จะเป็นไปตามนั้น ถ้าสังเกตดูความเห็นในหลายประเด็น แตกต่างกันตั้งแต่ชั้นกมธ.แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายลูก ส.ส. หรือกฎหมายลูกส.ว. พอมีการตั้งกมธ.ร่วม ก็จะมีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เข้ามาเป็นกมธ. ด้วย อาจมีการพูดคุยในประเด็นที่เพิ่มมาใหม่ ซึ่งเราไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดแรกตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นคงไม่ตั้งกมธ.ร่วม อย่างไรก็ตาม แม้กมธ.ร่วมกฎหมายลูกทั้งสองฉบับจะมีสูตรคณิตศาสตร์ ที่พอคำนวณแล้วจะเกิดผู้แพ้ผู้ชนะ แต่ไม่ได้มีแค่เรื่องสูตรคณิตศาสตร์อย่างเดียว เพราะมีเรื่องเหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“ข้อมูลใหม่ๆ เท่าที่ฟังและจะถกกันหนักๆ อาทิ ในกฎหมายลูกส.ว.ที่กรธ.ไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่ายังไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องการหั่นจำนวนกลุ่มอาชีพจาก 20 เหลือ 10 กลุ่ม การปรับแก้ไขในประเด็นเลือกไขว้ผู้สมัคร รวมถึงการปรับให้มีทั้งการสมัครแบบอิสระ กับการสมัครแบบเลือกตรง ส่วนกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.มีแค่ประเด็นมหรสพเรื่องเดียว น่าจะพอไปได้ ดังนั้นการที่ฝ่ายการเมืองบอกว่าเราพยายามทำให้วุ่นวายจนนำไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกนั้นไม่จริง เราปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ไม่ได้มีใบสั่ง และไม่ได้รอสัญญาณคว่ำกฎหมายลูกจากใครด้วย การพูดดังกล่าวถือเป็นการเมืองโดยไม่ฟังเหตุฟังผล ทีเรื่องขยายเวลาประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน ไม่เห็นมีฝ่ายการเมืองออกมาโวยวายเลย เพราะเขารู้ว่าเขาได้ประโยชน์ ถ้าใช้เงื่อนเวลาเดิม เขาจะทำขั้นตอนไพรมารี่ไม่ทันแน่ ผมเชื่อในวินาทีนี้ว่า หลังจากกมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณา แล้วส่งเข้าสภาใหญ่ น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และราบรื่น และจะเป็นตัวแปรทำให้โรดแมปขยับเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง วันเลือกตั้งก็จะชัดเจนขึ้นไปด้วย” นพ.เจตน์ กล่าว