เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา กองบังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี (อปท.) ได้รับแจ้งจาก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ได้รับมอบอำนาจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ตามหนังสือ คสช.(สลท.)110/353 ลงวันที่ 6 ธันวาคมให้แจ้งความ ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีชื่อ”หมวดเจี๊ยบ” ตามปรากฎในหลักฐานและบัญชีเฟซบุ๊ค ร.ท.สุณิสา เลิศภควัตร ที่ปรากฎตามหลักฐาน ด้วยปรากฎว่า ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัตร (หมวดเจี๊ยบ)เสนอบทความอันเป็นเท็จ นำเข้าระบบดังกล่าวข้างต้น โดยมีรายละเอียดข้อความที่โพสต์ คือ 1. เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 15.44 น. บุคคลดังกล่าวโพสต์ข้อความ การซ่อมจนตาย อาจส่งผลกระทบต่อการเกณฑ์ทหารของประเทศและหากญาติพี่น้องไม่ยอมจบเรื่องแต่โดยดี อาจถูกนำไปปรับทัศนคติหรือดำเนินคดี 2. เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เวลา 17.26 น. โพสต์ข้อความว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ควรงอมืองอเท้ารอเงินบริจาค “ตูน บอดี้แสลม” หรือ เกาะกระแสคนดังในสังคมเป็นพักๆ หากรัฐบาลใช้เงินให้เป็นและรู้จักหารายได้เข้ารัฐบาลก็คงไม่ต้องนั่งรอเงินบริจาคเป็นครั้งคราวเพื่อเอามาแก้ปัญหารัฐบาลถังแตกอย่างนี้

วันที่ 4 ธันวาคม เวลา 15.43 น. โพสต์ ว่า เปิดทำเนียบ ต้อนรับเสียใหญ่โตแต่พอชาวบ้านร้องทุกข์กับสั่งทุบตีและจับเข้าคุก และ อีกข้อความ เวลา 15.37 น. คือ ทำไมคราวนี้ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นอกจากจะใช้วิธีสกปรกแถลงข่าวให้ร้ายติดเครดิตแกนนำชาวบ้านใช้ประเด็น เรื่องเพศซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องของชาวบ้านถามว่าทำไมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติกับคณะของตูนบอดี้สแลมแตกต่างกับชาวบ้านอำเภอเทพาจังหวัดสงขลาและชาวประมงจังหวัดปัตตานี หรือว่าพล.อ.ประยุทธ์เห็นว่าชาวบ้านภาคใต้มีความเป็นคนไม่เท่ากับตูนบอดี้สแลมที่เป็นนักร้องชื่อดัง

ดังนั้น คสช. จึงได้พิจารณาแล้วว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด ป.อาญามาตรา 14 ตาม พรบ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 15