“วันชัย”ไม่แน่ใจ “ก้าวไกล”อันดับ 1 ต้องเป็นรัฐบาลเสมอไป

“วันชัย” ไม่แน่ใจ “ก้าวไกล”อันดับ 1 ต้องเป็นรัฐบาลเสมอไป ชี้ขึ้นอยู่กับการประสานรวมเสียงข้างมากได้ลงตัวหรือไม่ แนะรวม ภท.-ชทพ. ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. ส่วนตัวเคารพเสียงประชาชน แต่ต้องใช้เรื่องอื่นประกอบ

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. กล่าวถึงการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาว่า หากใครสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง เราต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรไปจากหลักการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 และในปีนี้ ดังนั้นต้องติดตามกันต่อไปว่าพรรคก้าวไกลซึ่งมีเสียงมาอันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เป็นข้อตกลงของพรรคการเมืองหรือเป็นมารยาททางการเมือง ที่ใครได้เสียงอันดับ 1 ก็มักจะให้พรรคนั้นเป็นคนประสานในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆก็พูดเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ก็ถือเป็นภารกิจของพรรคก้าวไกลในการประสานหาความร่วมมือ ว่าสามารถรวมกับพรรคการเมืองอื่นได้เกิน 251 เสียง จนกระทั่งถึง 376 หรือไม่

“ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนได้เสียงอันดับ 1 จะต้องเป็นรัฐบาลเสมอ ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยก็มีเสียงมาอันดับ 1 แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้ารวมเสียงได้มากโดยหลักการแล้วก็คิดว่าต้องเคารพเสียงตรงนี้ ครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้เสียงอันดับ 1 ก็จริงแต่ไม่ได้คะแนนเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เกินกว่า 251 เสียง ก็ต้องดูต่อไปถ้าเขาประสานกับพรรคเพื่อไทยได้อันนี้ก็มีสิทธิ์ได้เกิน 300 เสียง ซึ่งก็ต้องดูว่าเขาตกลงกันได้หรือเปล่าว่าใครเป็นนายกฯ และการทำนโยบายต่างๆนั้นรวมกันได้หรือเปล่า เราไม่รู้ เพราะ ส.ว.อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่คนที่จะต้องเสนอใครมาเป็นนายกฯมันอยู่ที่ส.ส.ก่อน รายการต่อมาต้องดูว่าถ้าเขาสามารถรวมกับพรรคภูมิใจไทย(ภท.)ชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)ด้วย ถ้าเขาสามารถประสานพรรคการเมืองที่มาจากประชาชนได้ทั้งหมดผมว่าเขาก็ขาดลอยแทบไม่ต้องใช้เสียงส.ว. เลยแม้แต่เสียงเดียว ฉะนั้นผมคิดว่าตอนนี้ อย่ามาคิดว่าส.ว.จะโหวตให้ใครหรือไม่ เพียงแต่ผมจะดูอยู่ต่อไปว่า ก้าวไกลจะสามารถประสานกับทุกพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือเปล่า”นายวันชัย กล่าว

นายวันชัย กล่าวต่อว่า เท่าที่จับตาดูเห็นว่ามี ส.ว.หลายคนประกาศชัดเจนว่าไม่ได้หมายความว่า เสียงข้างมากอันดับ 1 เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องดูคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และดูนโยบายของพรรคการเมืองด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย และตนก็เชื่อว่า เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่น ว่าการจะร่วมรัฐบาลกับใคร คงไม่ดูแค่เสียงมาอันดับ 1 แต่คงต้องดูว่านโยบายเข้ากันได้หรือไม่และจะต้องเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี และส.ว.ก็คิดไม่ต่างกัน ขอให้ติดตามกันต่อไป แม้พรรคก้าวไกล ได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่ต้องดูว่าเขาสามารถประสานเรื่องนโยบาย เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเรื่องต่างๆได้ลงตัวหรือไม่ และอย่าเพิ่งมาตั้งเป้าหรือเล็งมาที่ส.ว.โดยตรง

เมื่อถามว่าส่วนตัวมีเงื่อนไขในการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายวันชัยกล่าวว่า ส่วนตัวยังยืนยันในหลักการเดิมหากพรรคการเมือง สามารถประสานและรวมกันได้เสียงข้างมาก ตนก็ไม่ขัดข้อง ยืนยันใช้หลักการเดิม แต่ยอมรับว่าต้องนำเรื่องอื่นๆมาประกอบ ซึ่งโดยหลักแล้วเคารพเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ