เพื่อไทย จี้ กกต.จริงจังแก้ปัญหา รับผิดชอบ เหตุเลือกตั้งล่วงหน้าสับสนอลหม่าน หวั่นโมฆะ

เพื่อไทย จี้ กกต.รับผิดชอบ เหตุเลือกตั้งล่วงหน้าสับสนอลหม่าน หวั่นโมฆะ ‘ประเสริฐ’ จวก เลขาฯ กกต.จริงจังแก้ปัญหา อย่าแค่รับปาก เหตุเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ประชาชนรอคอยการเปลี่ยนแปลง

(8 พฤษภาคม 2566) เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทยนำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พลตำรวจตรีสุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีพบความผิดปกติและข้อร้องเรียนของประชาชนต่อการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต วานนี้ (7 พ.ค.66) พบข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ซึ่งพรรคเพื่อไทย พบว่า

1.ในการจ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด : โดยพบว่ากรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง จ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเพื่อนำกลับไปยังเขตเลือกตั้งที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ทั้งการระบุชื่อจังหวัดผิด ระบุเขตเลือกตั้งผิด และการเขียนรหัสจังหวัด รหัสเขตเลือกตั้งผิดเช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่จังหวัดนนทบุรี และกาฬสินธุ์เขต 6 ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ที่เขตเลือกตั้งหนึ่งแต่คะแนนถูกส่งไปอีกเขตเลือกตั้งอื่น เป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่ อาจทำให้คะแนนมีการคลาดเคลื่อนและไม่ควรเกิดขึ้น และการนับคะแนนจะไม่ตรงกับเจตนารมย์ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่า ความผิดพลาดดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และมีความสำคัญยิ่งที่อาจจะส่งผลให้มีการร้องเรียนให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หรือเสียไป เป็นความผิดพลาดในสาระสำคัญที่คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบ

2.การลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด : พบว่าในวันสุดท้ายที่มีการลงทะเบียนผ่านทางอินเทอร์เน็ต ระบบล่ม ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้ ซึ่งเรื่องนี้ เลขาฯ กกต.ยอมรับข้อผิดพลาดว่าแม้ระบบล่ม แต่ยังสามารถเข้าไปดึงข้อมูลคำขอได้ และจะลงทะเบียนให้ภายหลัง แต่พบว่าในการเลือกตั้งล่วงหน้าวานนี้ เขต 14 บางกะปิ กทม.ที่หน่วยเลือกตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงพบว่าผู้ใช้สิทธิ 2 คน ภูมิลำเนาจังหวัดขอนแก่น ได้รับแจ้งจากประธาน กกต.เขต 14 ว่าการลงทะเบียนของทั้งสองคนไม่สมบูรณ์ ต้องกลับไปใช้สิทธิที่ขอนแก่น ในวันเลือกตั้ง

พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการแถลงเลขา กกต.ว่าจะแก้ไข แต่ข้อเท็จจริงไม่มีการแก้ไข ทำให้ประชาชนเสียสิทธิ และเป็นภาระต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา เชื่อว่ายังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ด้วยเหตุนี้ กกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รับปาก แต่ไม่ดำเนินการ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง

3.ความไม่สะดวกในการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า : การเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิล่วงหน้านอกเขต 2.2 ล้านคน ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เกิดปัญหาหลายจุด เช่น ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ 52,771 คนและมีอีกหลายที่มีผู้ลงทะเบียนหลายหมื่นคน พบว่าเกิดความแออัดคับคั่งในการลงคะแนน หลายคนต้องคอยนานกว่า 3 ชั่วโมง และมีผู้มาใช้สิทธิจำนวนมากไม่สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ทันเวลา จากปัญหาการจราจร

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า กรณีนี้ กกต.เคยมีประสบการณ์และเคยถอดบทเรียนมาแล้วว่าต้องกำหนดจุดลงคะแนนให้มาก กระจายตัวเพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และไม่ให้เกิดปัญหาจราจร ปัญหาเหล่านี้มีความสำคัญ และเป็นข้อสังเกตว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เราอยากได้คำตอบจาก กกต.เพื่อให้เกิดความกระจ่างให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้น

4.ข้อมูลผู้สมัครและพรรคการเมือง บนป้ายประชาสัมพันธ์หน้าหน่วยเลือกตั้งกลางไม่ครบถ้วน และยังสร้างความสับสน เช่น เขตหนองแขม ใบแนะนำตัวผู้สมัครไม่ครบ ที่จังหวัดสุรินทร์ เขต 4 รูปผู้สมัคร ไม่มี เป็นต้น

“การเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย แม้ในปี 2562 ก็มีการเลือกตั้งล่วงหน้าขึ้น แต่การเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ กลับมีความผิดพลาดและมีสิ่งผิดปกติมากมาย และส่อให้เห็นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสุจริตหรือไม่” นายประเสริฐ กล่าว

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความบกพร่องผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเฉพาะการจ่าหน้าซองในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า การผิดพลาดนั้น มีทั้งระบุชื่อจังหวัดผิด ระบุเขตเลือกตั้งผิด เขตจังหวัดผิด และเขตเลือกตั้งผิด ซึ่งขึ้นแล้วในบางจังหวัด เช่น ที่ จ.นนทบุรี ซึ่งกกต.แจ้งว่าจะแก้ไขได้

พรรคเพื่อไทยเห็นว่าหากจ่าหน้าซองทำผิดทุกรายการ กกต.จะแก้ไขอย่างไร เรื่องนี้มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่ต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และอาจนำไปสู่การเรียกร้อง ฟ้องร้อง และมีปัญหาในข้อกฎหมาย พรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง กกต.ไม่มีความพร้อมในแง่ของการจัดการอบรมให้ความรู้กรรมการประจำหน่วย ซึ่งทราบมาว่าบางหน่วย กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเข้าใจว่าช่องตาราง 5 ช่อง เป็นช่องรหัสไปรษณีย์ จึงเกิดความผิดพลาดขึ้น ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ กกต.แก้ไขได้จริงหรือไม่ เพราะเกรงว่าเกิดปัญหาติดตามมาอีกจำนวนมาก

นอกเหนือจากความผิดปกติในการเลือกตั้งล่วงหน้าวานนี้ ยังมีกรณีที่ กกต.ต้องตอบคำถามถึงพรรคการเมือง เรื่องการแต่งตั้งผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ได้เปลี่ยนแนวปฎิบัติการส่งผู้สังเกตุการณ์การเลือกตั้งกระทันหัน ทั้งที่กฎหมายการเลือกตั้งไม่ได้เปลี่ยน โดยให้พรรคการเมืองบันทึกค่าตอบแทนของผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง จากเดิมที่เป็นของผู้สมัคร ส.ส. จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ กกต.เคยตอบข้อหารือของพรรคการเมืองมาก่อนหน้านี้ว่า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ผู้สมัคร ส.ส.เป็นผู้บันทึกค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองต้องเป็นผู้บันทึกค่าตอบแทนผู้สังเกตุการณ์การเลือกตั้ง จะมีค่าใช้จ่าย อยู่ที่ประมาณ 33 ล้านบาท จากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 95,000 หน่วย (ไม่รวมหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า) ในขณะที่วงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองถูกจำกัดอยู่ที่ 44 ล้านบาท และได้ใช้จ่ายไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ เมื่อ กกต.มาเปลี่ยนแนวทางกระทันหันเช่นนี้ พรรคการเมืองจึงไม่อาจส่งผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ และต้องถอนผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ส่งรายชื่อให้ กกต.ไปแล้วในการเลือกตั้งล่วงหน้า และการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

“พรรคเพื่อไทยจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใด กกต.จึงเปลี่ยนแนวทางที่ปฎิบัติตั้งแต่เดิมเรื่องนี้กระทบต่อพรรคการเมืองและจะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม” นายชูศักดิ์ กล่าว

พลตำรวจตรีสุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ศูนย์ป้องกันอำนวยการปราบโกงได้รับข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชน ได้รับการร้องเรียนได้รับแจ้งข้อมูลจากพี่น้องประชาชนในบางพื้นที่แจ้งมาว่า พบเหตุผิดปกติส่อทุจริตหลายประการ เช่น

1.นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ จังหวัดอำนาจเจริญ คนสนิทเจ้าแม่เงินกู้ มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง ข่มขู่ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคอื่น

2.ข้าราชการระดับสูงฝ่ายปกครอง ในอำเภอหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส และอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง

“ผมขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง หากท่านมีบทบาทเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และวางตัวไม่เป็นกลาง ประชาชนเขาจับตาดูท่านอยู่ เพื่อนตำรวจก็จับตาท่านอยู่ อยากจะขอเตือนสำหรับข้าราชการตำรวจว่า ที่ผ่านมาทำอะไรไป ถ้าทำอยู่ขอให้หยุด หยุดการกระทำที่ไม่ชอบนั้นเสีย ถ้าจะคิดทำอีก ให้เลิกคิด หูตาของผม และทีมงานของผมคือประชาชน ต้องขอขอบคุณอีกครั้ง ท่านได้ทำตามอุดมคติของตำรวจหรือยัง ที่กล่าวไว้ว่า ‘เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปราณีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มีในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อปวงชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา และรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต ท่านกรุณาไปทบทวนนะครับ พี่น้องประชาชนทั้งประเทศจับตาดูท่านอยู่” พลตำรวจตรีสุรสิทธิ์ กล่าว