อึ้ง! ปี 2564 มีจำนวนนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษามากถึง 238,707 คน

ธิดารัตน์ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เสนอเร่งยกระดับการศึกษาไทย หลังเกิดภาวะหยุดชะงักทางการเรียนรู้ ระบุไทยสร้างไทยจะลงทุนกับการศึกษา การพัฒนาคน เพื่อเด็กไทยได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีตามนโยบายของพรรค


นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เสนอให้ประเทศไทยเร่งยกระดับการศึกษาอย่างจริงจังเนื่องในวันประถมศึกษาแห่งชาติ โดย World Economic Forum ระบุว่าประเด็นเรื่องสิทธิการได้รับการศึกษา (Rights to education) ของทั่วโลกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย 90% ของเด็กปฐมวัยสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาขึ้นพื้นฐานในโรงเรียนได้ แต่ไม่ได้การันตีว่าเด็กเหล่านั้นจะได้รับการเรียนรู้ที่แท้จริง แม้ว่าจะมีการส่งเสริมให้เด็กเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน และมีการใช้ระบบการเช็คชื่อและลงทะเบียน แต่กลับพบว่ามีเด็กที่ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ 2 ใน 3 ของเด็กอายุประมาณ 10 ปีทั่วโลกจากตัวเลขประมาณการของ UNICEF

ในปี 2565 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เด็กต้องเรียนหนังสือที่บ้าน ทำให้เกิดภาวะหยุดชะงักทางการเรียนรู้ของเด็ก โดยเฉพาะกับเด็กประถมหรือช่วง 7 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และมีความสำคัญต่อพัฒนาการของมนุษย์มากที่สุด เป็นวัยที่ต้องอาศัยการเรียนรู้จากกระบวนการทางสังคมตามพัฒนาการ ทั้งทักษะการเข้าสังคม ทักษะทางภาษา ไม่นับรวมถึงบรรดาเด็กกลุ่มเปราะบางและผู้เข้าไม่ถึงทรัพยากรที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ในส่วนของประเทศไทย สถิติจำนวนนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาปี 2564 มีจำนวนมากถึง 238,707 คน สามารถตามกลับมาเรียนได้จำนวน 127,952 ราย แต่ยังเหลืออีก 110,755 รายที่ยังหลุดออกจากระบบ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นับรวมถึงคุณภาพการเรียนการสอนซึ่งสะท้อนออกมาในผลประเมินการสอบ PISA หลายสิบปีที่ผ่านมา โดยพบว่าไทยยังคงได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในการสอบวัดความรู้ทั้ง 3 ด้าน คือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในเรื่องของการอ่านที่นักเรียนที่คะแนนต่ำลง40%

สาเหตุสำคัญมาจากกระบวนการเรียนการสอนของไทยไม่ได้ฝึกให้เด็กอ่านสังเคราะห์ คิดวิเคราะห์ได้ แต่ฝึกให้เด็กท่องจำ และสอนตามเนื้อหาบทเรียนเป็นหลัก ไม่ได้สอนให้เด็กเข้าใจหลักการของเรื่องนั้นๆ แล้วสามารถบูรณาการปรับใช้ให้เหมาะสมได้ และจากการสำรวจทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั่วโลกของเว็บไซต์ EF ระบุว่าไทยอยู่ 4 อันดับรั้งท้าย แม้ว่าจะมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถมศึกษาก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของการจัดรูปแบบการจัดการเรียนการสอน นอกจากนี้ ยังมีช่องว่างระหว่างกลุ่มโรงเรียนตามสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย

พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและจะลงทุนกับการให้การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพสามารถช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสได้ ซึ่งเด็กถือเป็นอนาคตของชาติ ดังนั้น จึงต้องให้เด็กไทยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ มีความรู้ของโลกยุคใหม่ และใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา โดยผลักดันนโยบายปฏิรูปการศึกษาเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพจนจบปริญญาตรี เพื่อให้โอกาสในการเข้าถึงและเป็นการลงทุนในการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านการเรียนการสอน ปรับหลักสูตรความรู้ของโลกยุคใหม่ที่เด็กและเยาวชนต้องสามารถทำมาหากินได้

แม้ประเทศไทยจะมีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แต่พบว่ายังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการศึกษาอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯ พบว่ามีช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนสูงที่สุดในประเทศไทย ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเฉลี่ยที่ 6,600 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้สูงอยู่ที่ 78,300 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมและการเข้าถึงโอกาสที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หวังว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรีเช่นเดียวกับประเทศแถบสแกนดิเนเวีย อย่างเช่นนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์