รัสเซียอ้างประชามติชนะท่วมท้น ปชช.เห็นชอบผนวกดินแดน สหรัฐฯดันยูเอ็นออกข้อมติค้าน

 

รัสเซียออกมาอ้างชัยชนะอย่างท่วมท้นในการจัดการลงประชามติเพื่อผนวกดินแดน 4 แห่งของยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมอสโก หลังการจัดการลงประชามติที่รัสเซียชี้ว่า มีประชาชนในพื้นที่ที่ลงคะแนนสนับสนุนการจัดประชามติดังกล่าวระหว่าง 87% ถึง 99.2%

การจัดการลงประชามติใช้เวลา 5 วัน เพื่อให้ประชาชนลงความเห็นเกี่ยวกับการผนวกดินแดนในภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮานสค์ทางตะวันออก รวมถึงซาโปริซเซียและเคอร์ซอนทางตอนใต้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของดินแดนยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรอไม่

ผลการนับคะแนนซึ่งแล้วเสร็จลงในวันที่ 27 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ผู้แทนที่รัสเซียแต่งตั้งขึ้นในดินแดนทั้ง 4 แห่งดังกล่าวสรุปผลในทิศทางเดียวกันว่า คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้การสนับสนุนการควบรวมดินแดนทั้งหมดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน โพสต์ข้อความบนอินสตราแกรมว่า “ผลลัพท์นั้นชัดเจน ยินดีต้อนรับกลับบ้าน กลับสู่รัสเซีย”

รายงานข่าวระบุว่า ในดินแดนทั้ง 4 แห่งที่มีการจัดการลงประชามติ เจ้าหน้าที่รัสเซียได้นำกล่องลงคะแนนเสียงเดินไปตามบ้านของผู้คน ซึ่งเป็นการกระทำที่ชาติตะวันตกกล่าวหาว่าเป็นเรื่องไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการบีบบังคับเพื่อสร้างข้ออ้างทางกฎหมายสำหรับการผนวกดินแดนทั้ง 4 แห่งโดยรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า ละครตลกที่เกิดขึ้นในดินแดนที่ถูกยึดครองนี้ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเลียนแบบการลงประชามติแต่อย่างใด

ขณะที่สหรัฐเตรียมที่จะเสนอข้อมติต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เรียกร้องใหชาติสมาชิกยูเอ็นไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นในยูเครน พร้อมกับบังคับให้รัสเซียถอนทหารอีกด้วย

นางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า หากยอมรับการจัดการลงประชาติอันน่าอับอายของรัสเซีย ก็เท่ากับเป็นการเปิดกล่องแพนดอร่าที่เราไม่สามารถปิดมันลงได้ ถึงแม้รัสเซียจะมีสิทธิวีโต้ข้อมติใดๆ ในยูเอ็นเอสซี แต่สหรัฐก็พร้อมที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ต่อไป

สื่อตะวันตกชี้ว่า หากรัสเซียสามารถผนวกดินแดนทั้ง 4 ของยูเครนที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตนเองได้ ก็จะทำให้ปูตินสามารถที่จะอธิบายได้ว่าการยึดคืนพื้นที่เหล่านั้นก็ถือเป็นการโจมตีรัสเซีย หลังจากที่ปูตินเพิ่งกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เขาพร้อมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียเอง

ด้านนายมิไคโล โปลโดยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อยูเครนไม่ว่าจะเป็นคำขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือการผนวกดินแดนจากการลงประชามติ และยูเครนจะยังคงเดินหน้าเพื่อยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่ถูกรัสเซียยึดครองจากการบุกรุกเข้ามาในยูเครน

กระนั้นก็ดีนายโปลโดยัคระบุว่า ชาวยูเครนที่ได้ช่วยรัสเซียจัดการลงประชามติในดินแดนที่รัสเซียพยายามจะผนวกเข้าไปจะถูกตั้งข้อหากบฏ และต้องรับโทษจำคุกอย่างน้อย 5 ปี แต่ชาวยูเครนที่ถูกบังคับให้ลงคะแนนจะไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า การลงประชามติได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้คนจากสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการกดขี่ข่มเหงชาวรัสเซีย และผู้ที่พูดภาษารัสเซียโดยยูเครน และว่าการช่วยชีวิตผู้คนในพื้นที่ที่มีการลงประชามติครั้งนี้คือจุดสนใจของสังคมและประเทศรัสเซียทั้งหมด