เครือข่ายปชช.-คณะรณรงค์แก้ ม.272 บุกรัฐสภา จี้ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ

เครือข่ายประชาชน บุกสภา จี้ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ เย้ย ส่วนเกินระบอบปชต. คณะรณรงค์แก้รธน. ม.272 ยังหวังรัฐสภารับหลักการ “สมชัย” ดักทาง หากส.ว.โหวตงดออกเสียง ไม่ได้แปลว่าเป็นกลาง

 

วันที่ 6 ก.ย. 2565 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และเครือข่ายภาคประชาชนคัดค้าน ม.272 นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน นายธัชพงศ์ แกดำ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่…) พ.ศ. … ซึ่งมีข้อเสนอยกเลิก ม.272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ลงมติเลือกนายกฯ โดยเร็วครั้งเดียว 3 วาระรวด โดยมีนายณัฐกานต์ ชูชนะ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับหนังสือ

น.ส.ธนพร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พวกท่านแสดงออกต่อเรื่องนี้ โดยเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในมาตรา 272 เพียงมาตราเดียว เพื่อลดอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ โดยขอพิจารณาเรื่องดังกล่าวคราวเดียว 3 วาระรวด เพื่อให้การเลือกตั้ง ดำเนินไปด้วยความเป็นธรรม และไม่ถูกครอบงำจากคนบางกลุ่มอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างสมความภาคภูมิ และเป็นไปตามประชามติของประชาชนอย่างแท้จริง

ด้านนายสมยศ กล่าวว่า ส.ว.เป็นส่วนเกินของระบบรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตย ที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส.ว.จึงเป็นรากฐานของเผด็จการที่ฝังตัวอยู่ในอาคารแห่งนี้ ซึ่งทำหน้าที่นิติบัญญัติ เป็นการทุจริตที่ถูกทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ วันนี้พิสูจน์แล้วว่านอกจากเป็นส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตยแล้ว ยังขาดจริยธรรมพื้นฐาน ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีต่อชาติบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเครือข่ายฯ ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการนำกรรไกรมาตัดป้ายที่เขียนคำว่า ส.ว. สื่อถึงการตัดอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ และยังมีการนำแพะที่เทียมคันไถมาแสดง เพื่อสื่อถึงการทำงานของเนติบริกรที่ไถระบอบไม่โปร่งใสนี้ให้ดำเนินไปได้

ขณะที่เวลาเดียวกันนั้น คณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี นำโดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่…) พ.ศ. … ทางคณะรณรงค์ฯ จึงมาชี้แจงรายละเอียดของร่างที่ได้นำเสนอ

โดยการลงมติวาระ 1 จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา และจำเป็นต้องได้เสียงส.ว. 1 ใน 3 คือ จำนวน 84 คน อย่างไรก็ตาม เราวิตกกังวลเรื่ององค์ประชุมสภา เพราะที่ผ่านมามีปัญหามาตลอด หากส.ว.มาร่วมประชุมน้อย โอกาสที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านวาระแรกย่อมมีสูง แต่ในส่วนของส.ส.ตนไม่ห่วง เพราะเชื่อว่า ทั้งส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน จะเห็นชอบ เนื่องจากเป็นการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนและประเทศ ทำให้การเลือกนายกฯ เกิดจากการประชุมของสภาฯ เท่านั้น เราจึงคิดว่าจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ส.ทั้งหมด

“หากส.ว.มาไม่มาก และโหวตงดออกเสียง ผลที่เกิดขึ้นคือร่างกฎหมายจะตกไป ดังนั้น เราขอเรียกร้องสมาชิกรัฐสภาได้ร่วมประชุมพร้อมเพรียง และรับฟังความเห็นของผู้ชี้แจง โดยท่านสามารถอภิปรายโต้แย้งได้ ส่วนการลงมติคิดว่าทุกท่านมีความเห็นส่วนตัว ว่าจะรับหลักการหรือไม่รับหลักการ แต่เราจะเสียใจมากหากส.ว.ไม่เข้าร่วมประชุม จนอาจทำให้เสียงไม่เพียงพอต่อการลงมติ หรือหากลงมติงดออกเสียง โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากลงมติเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัวของท่าน ผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะงดออกเสียงไม่ได้แปลว่าเป็นกลาง หรือไม่อยากมีผลประโยชน์ร่วม” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวต่อว่า คณะผู้รณรงค์ฯ ยังมีความหวังว่าสมาชิกจะเห็นด้วยกับร่างแก้ไข ซึ่งทุกอย่างต้องมองประโยชน์ประชาชน และประเทศเป็นหลัก ที่ผ่านมาเราใช้เวลามาพอสมควรแล้วกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ขณะที่ นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า อยากให้สมาชิกรัฐสภารับหลักการของร่างแก้ไข เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแก้ไขก่อนเลือกนายกฯ คนต่อไป เพราะหากมีกลไกนี้อยู่ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต ถ้าตัดอำนาจตรงนี้ไปจะลดความขัดแย้งในอนาคตได้ด้วย

ด้านนายบุญส่ง ชเลธร ผอ.หลักสูตรผู้นำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้พิสูจน์ตัวมันเองแล้วว่า การไม่รับฟังเสียงประชาชนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างรุนแรง วันนี้ถึงเวลาที่สมาชิกรัฐสภา จะประกาศตนว่าเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น อยากให้มาร่วมกันแก้ไข ม.272 ยกเลิกสิทธิ ส.ว.เลือกนายกฯ โดยเฉพาะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง ประชาชนจะได้ตัดสินอนาคตของตนเอง ไม่ใช่ให้กลุ่มบุคคลใดมาตัดสินใจแทน วันนี้เรายังไม่สิ้นหวัง และเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสอยู่