33 ปี ชีวิตสีกากี (69) | เหตุ ‘ระเบิด’ ต้อนรับ

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม 2525 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา เป็นคืนแรกที่ผมได้นอนที่จังหวัดระนอง

และวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 2525 ร.ต.อ.ชม ได้นำพวกผมไปร่วมงานเลี้ยงรับรองและต้อนรับคณะนักเรียนผู้กำกับ หลักสูตรผู้กำกับการ จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยงานเลี้ยงจัดที่บริษัทระนองทำไม้

นักเรียนผู้กำกับในรุ่นนี้ มี พ.ต.อ.บัญญัติ มีสมรูป รอง ผบก.ร.ร.นรต. เป็นผู้ควบคุมมา มีผู้ร่วมเดินทางมาด้วย คือ พ.ต.ท.สุนทร นุชนารถ รอง ผกก.1 ร.ร.นรต. ซึ่งผมดีใจมากที่ได้พบเจอผู้บังคับบัญชาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่เคยปกครองพวกผมมา

ในระหว่างนั้น ผมได้มีโอกาสรู้จัก พ.ต.ท.สมนึก น้อยช่างคิด รอง ผกก.ภ.จว.เชียงราย และยังได้แนะนำให้รู้จักกับ พล.ต.ต.วิรุฬ พื้นแสน ผบก.อก.บช.ภ.4 (สงขลา) นอกจากนั้นแล้วยังรู้จัก พ.ต.ท.กฤช ศุภกิจจารักษ์ ชื่อเดิม สุรพล นรต.รุ่น 12 ตำแหน่ง รอง ผกก.ภ.จว.ระนอง เป็นคนกว้างขวาง ติดนิสัยนักเลงๆ

(สำหรับคำย่อจังหวัด โดยทั่วไปใช้คำย่อ ตัว จ.จานตัวเดียว แต่ในราชการตำรวจสมัยนั้น ใช้คำย่อว่า “จว.” ผมจึงติดอยู่กับคำย่อนี้มาตลอดชีวิตการทำงาน)

รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็น นรต.รุ่น 18 เมื่อพวกผมเพิ่งจบมาใหม่ๆ ยังสดๆ ร้อนๆ จึงถือโอกาสแนะนำชีวิตการเป็นตำรวจที่แท้จริง ซึ่งในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลายอย่างไม่เคยสอน

คำแนะนำที่ผมได้รับคือ เป็นตำรวจต้องรอบรู้มารยาทสังคม รู้แม้กระทั่งวิธีการเสิร์ฟอาหาร การวางช้อน การวางจาน การจัดเวทีเพื่อจัดงาน การหาสถานที่ที่จะจัดให้เหมาะสม ฉากแสงสี ต้องมีความคล่องตัวในการรับแขก

ส่วนการทำงานต้องแข่งขันกัน ต้องมีการวางแผนการดำเนินชีวิต ว่าจะไปอย่างไร ปีนี้มีเป้าหมายที่จะทำงานเพื่อให้ได้ 2 ขั้น ต้องทำเต็มที่ ซึ่งเรากำหนดเองได้ และควรเชื่อดวง อย่าอิจฉากัน

และอีกมากมายที่ผมไม่สามารถจะเขียนออกมาได้ เพราะไม่เหมาะสม แต่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อว่า ตำรวจเขาทำกันแบบนี้ บางเรื่องก็ฝืนความรู้สึกนึกคิดของผมไปไกลมาก จนคิดว่าผมทำไม่ได้แน่นอน มันเป็นวิชานอกตำราที่ผมได้รับโดยบังเอิญ ก่อนจะลงมือทำงาน แต่ถ้าใครทำได้ มันเป็นวิชาการวิ่งเต้นไขว่คว้าหาความก้าวหน้าของตำแหน่งหน้าที่ซึ่งตำรวจทั่วไปทำกันเป็นปกติ

แต่สำหรับผมเพิ่งจบมาเป็นคนใหม่ และกำลังก้าวมาเป็นตำรวจอาชีพอย่างเต็มตัว พอฟังแล้ว ไม่ตรงกับที่จินตนาการเอาไว้เลย ได้แต่รับฟังเอาไว้ แล้วไปจดบันทึก ว่าได้รับการแนะนำการทำงานมาในลักษณะแบบนี้

 

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2525 วันรายงานตัวอย่างเป็นทางการ ร.ต.อ.ชม ได้ขับรถมารับพวกผมจากบ้านพักที่เช่ารวมกัน เดินทางไป สภ.อ.เมืองระนอง ซึ่งจะเป็นที่ทำงานประจำ มีการกำหนดให้ไปรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา

ในครั้งแรกต้องแต่งเครื่องแบบชุดคอแบะ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกไท้ดำ สวมสูทสีกากี ติดเครื่องหมายเรียบร้อย รองเท้าขัดมันแวววาว พร้อมกระบี่ถุงมือขาว สมัยก่อนนั้นชุดนี้มีสายโยงเป็นหนังสีน้ำตาลด้วย ได้เข้าพบ พ.ต.ต.ประยูร สุวพิศ สวส.สภ.อ.เมืองระนอง ซึ่งทำหน้าที่ รกท.สวญ.สภ.อ.เมืองระนอง เนื่องจาก พ.ต.ท.ทรง เรืองศรี สวญ.สภ.อ.เมืองระนอง ไปราชการ

หลังจากนั้นได้รับทราบคำชี้แจงพอสังเขปจาก พ.ต.ต.ประยูร ว่า สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองระนอง คือ พ.ต.ท.ทรง เรืองศรี (เจ้าของร่างใหญ่ ผิวคล้ำ และมีวลีติดปากว่า “ดี ดี น้องดี”)

ส่วนสารวัตรปกครองป้องกัน หรือ สวป. คือ พ.ต.ต.เฉลิม ฉับพลัน (เป็นคนพูดน้อย เยือกเย็น ใจดี ชอบพกปืนเหน็บไว้ขอบกางเกง โดยใช้ซองปืนพกนอกชนิดที่เรียกว่า “ซองโรเจอร์”)

เสร็จแล้ว จึงเดินทางไปยังกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับสถานีตำรวจ แค่เดินไปไม่กี่นาทีเท่านั้น

ได้รายงานตัวต่อ พ.ต.ท.ปรีดา สัมภวะมานะ รอง ผกก.ภ.จว.ระนอง ขณะทำหน้าที่ รกท.ผกก.ภ.จว.ระนอง โดย พ.ต.อ.สมศักดิ์ อภิจารี ผกก.ภ.จว.ระนอง เดินทางไปราชการประชุมร่วมกับ กอ.รมน. เรื่องปัญหาชายแดนพม่า พ.ต.ท.ปรีดา ได้ให้โอวาทในการเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ทั้งกำชับเรื่องการพูดจาเกี่ยวกับความลับของทางราชการ

 

เมื่อพวกผมรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาที่เป็นตำรวจโดยตรงแล้ว ต่อจากนั้น จึงได้ไปรายงานตัวเพื่อทำความรู้จักต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดระนอง ที่ตั้งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ แต่อยู่คนละฟากถนน เยื้องๆ กัน

ศาลจังหวัดระนองมีผู้พิพากษา 3 ท่าน นายชัยโรช กฤษณะโลม เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน คือ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล และนายโสภณ มีอัยการมาที่ศาลด้วย จึงได้มีการพูดคุยกันเป็นเวลานานพอสมควร

ต่อมาจึงเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง ซึ่งอยู่บนเนินเขา เพื่อรายงานตัวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มีนายพร อุดมพงษ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ไม่พบ เพราะไปราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมต้องกลับมารอที่โรงพัก

ในภาคบ่าย จึงได้เข้าพบนายจำนง คุ้มรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยใจคอดีมาก และได้เข้าพบนายยง วัฒนสิน อัยการจังหวัด

 

เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานตัวต่อ จึงได้กลับมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ค่ำคืนนั้น ร.ต.อ.ชม ได้นำพวกผมไปพักผ่อนรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารใกล้กับปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตของเมืองระนอง ไปต่อที่ห้องอาหารไผ่แดง 2 แล้วย้ายมาที่ห้องอาหาร For You ใต้โรงภาพยนตร์พฤตินันท์ ฟังเพลงจากนักร้องเสียงดี สุดท้ายไปจบที่บาร์เพลินใจ มีการลีลาศ แต่ผมลีลาศไม่เป็น

เที่ยงคืนผ่านไปจนเข้าวันใหม่ ประมาณตีหนึ่ง ได้รับฟังวิทยุแจ้งว่า มีการระเบิดที่ห้องอาหารไผ่แดง พวกผมจึงได้เดินทางไปดู เห็นมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็เป็นเวลาตีสองครึ่งแล้ว

ถือเป็นการต้อนรับคณะนายตำรวจใหม่ที่มาประจำพื้นที่นี้อย่างครึกโครม

 

สําหรับพนักงานสอบสวนของ สภ.อ.เมืองระนอง ในวันแรกที่ผมไปถึงมีทั้งหมด 4 นาย คือ

1. ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ณ นคร (กำลังจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง สวส.สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช)

2. ร.ต.อ.ชม หนูแป้นน้อย

3. ร.ต.อ.โพธิ์ รุ่งเรือง

4. ร.ต.ต.กิตติพงษ์ พรหมสวัสดิ์

เมื่อมีพวกผมมาเพิ่มอีก 6 นาย ทำให้จำนวนพนักงานสอบสวนคึกคักมาก

สารวัตรสืบสวนสอบสวน หรือ สวส.สภ.อ.เมืองระนอง มี 2 นาย คือ

1. พ.ต.ต.ประยูร สุวพิศ

2. พ.ต.ต.ชั้น กาญจนี

ส่วนรองสารวัตรปกครองป้องกัน ประกอบด้วย

1. ร.ต.ต.ถนอม สุวรรณ

2. ร.ต.ต.สำอางค์ มีจิตร

ต่อมามีย้ายมาเพิ่มอีก 3 นาย ได้แก่

1. ร.ต.ท.เนียร นุ้ยเมือง

2. ร.ต.ท.ประเสริฐ สุทธิ

3. ร.ต.ท.สุรศักดิ์ ทองนอก

อัตรากำลัง ข้าราชการตำรวจ ของ สภ.อ.เมืองระนอง ในปี พ.ศ.2525 มีดังนี้

ชั้นสัญญาบัตร 19 นาย

ชั้นประทวน-พลตำรวจ 115 นาย

รวม 134 นาย หัวหน้าสถานีตำรวจ เรียกว่า สารวัตรใหญ่ หรือ สวญ. มียศไม่เกินพันตำรวจโท ขณะนั้น พ.ต.ท.ทรง เรืองศรี ดำรงตำแหน่ง