อดีตขุนคลัง หวั่นปม 8 ปี ประยุทธ์ ก่อวิกฤตการเมือง อ.รัฐศาสตร์ ชี้ ขนาดคนเคยหนุน ยัง ‘มูฟออน’ แล้ว

วันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน กรุงเทพฯ คณะกรรมการญาติพฤษภา 35  และกลุ่มสภาที่ 3 จัดสวนา หัวข้อ “วาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ” โดย นายอดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมอภิปราย โดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส. อดีตผู้ว่า สตง. , นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ,นายนิติธร ล้ำเหลือ คณะหลอมรวมประชาชน และรศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมายชื่อดัง

ในตอนหนึ่ง ​​นายธีระชัย อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญต่อบ้านเมือง ทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการวางกรอบกติกาในรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ จะช่วยสร้างและส่งต่อ ให้กับคนรุ่นหลัง ตนเชื่อว่าศาลจะสร้างระบบการเมือง และขจัดความขัดแย้ง

​“พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ใครก็รู้ว่าท่านทำหน้าที่บริหาร และจัดการแผ่นดิน มาบัดนี้เกิน 8 ปีแล้ว การดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์ เกรงว่าจะนำไปสู่วิกฤติทางการเมือง ดังนั้นกระบวนการตรวจสอบ จึงจำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาสูงสุด ดังนั้นจึงมีการเรียกร้อง ให้พล.อ.ประยุทธ์ ใช้วิจารณญาณของตนเอง พิจารณาว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนมีความสุข” นายธีระชัย กล่าว

​ขณะที่ ผศ. วันวิชิต กล่าวว่า จุดยืนที่ตนร่วมลงชื่อไล่นายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาให้โอกาสในการบริหารบ้านเมือง หลายอย่างแต่ไม่ประสบความสำเร็จ และอยากให้เป็นบรรทัดฐานเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งนี้ในอดีตนายทหารรุ่นพี่ของท่าน ทุกคนมีสปิริต  เช่น พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ไม่ไปต่อ , พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นนายกฯ 10 เดือน เมื่อเจอวิกฤตต่างๆ ก็รับผิดชอบ และเริ่มรู้ว่าพอ

“เชื่อว่าทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหลือพื้นที่ไว้วางใจ และส่วนตัวเชื่อว่าประเทศอยู่ได้ ถ้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์หรือ3 ป. เพราะยังมีคนเก่งและมีความสามารถ มาทำหน้าที่ได้

ประเด็น 8 ปีจุดยืนความรู้สึกของผู้ใหญ่ และนักวิชาการหลายคน เราต้องมีหลักการให้เด็กๆเห็นว่า เป็นทางเลือกว่าไปต่อได้หรือไม่ ถ้าท่านอยากจะเป็นวีรบุรุษ ต้องเป็นบรรทัดฐานให้สังคมเห็นว่า ตัวอย่างที่ดีต้องมียางอายของตัวเองและมีความรับผิดชอบ มีสปิริตของผู้นำ” ผศ.วันวิชิตกล่าว

ผศ.วันวิชิตกล่าวว่า ในประเทศพัฒนาแล้ว จะจำกัดอำนาจของผู้บริหารประเทศ  เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ให้ประธานาธิบดีเป็นสมัยเดียว การเมือง 8 ปี ที่เคยสัญญากับประชาชน ไม่เคยสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปตำรวจ วันนี้สังคมตั้งคำถาม ขณะนี้ความรู้สึกประชาชนไปก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีการวินิจฉัย คิดออกไปเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย การเมือง 8 ปี จะนับจากเมื่อไหร่ หากนับแบบเด็ก 2565-2557 ก็เท่ากับ 8 ปี ไม่รู้ว่าท่านจะวางอนาคตทางการเมืองอย่างไร หลายคนได้ให้โอกาส เวลาในการบริหารประเทศ แต่ได้เห็นแล้วทั้งทักษะ ความชัดเจน ความรอบรู้ว่าเป็นอย่างไร

​“ ถ้ามีสักเรื่องที่อยากทำให้เกิด อยากเป็นวีรบุรุษ รัฐบุรุษ ต้องมีบรรทัดฐานที่ดี ไปดูนายทหารรุ่นพี่หลายๆคน ยังมีระยะเวลา มีความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างสูง ในยุคพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศจะอยู่ 15 เดือน ทั้งที่ด้วยอำนาจ ประกาศว่าจะไปต่อก็ได้ ในปี2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็อยู่ในเวลาจำกัด เพราะไม่อยากให้มีวิกฤติการเมือง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านก็รู้จักพอ เขาได้ทำสปิริตให้ดู ขอถามต่อมจริยธรรมทางการเมือง ทุกภาคส่วนที่เคยสนับสนุนท่าน มูฟออนไปแล้ว ไม่เหลือพื้นที่ที่จะไว้วางใจ มิตรที่เคยคบหา ลดทอนความเชื่อมั่นประชาชนไปเรื่อยๆ ระบบการตรวจสอบ ทุกอย่างก็ยังเป็นปริศนา ทุกคนใช้มาตรฐานตรงไปตรงมา แต่ฝ่ายตัวเองเป็นข้อยกเว้น ตรงนี้ถือว่าอันตราย” ผศ. วันวิชิต กล่าว และว่า สังคมบางส่วนอาจจะถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นนากยกฯ ใครจะเป็นต่อ ส่วนตัวเชื่อว่า คนเก่งยังมี แต่อาจติดกลไกลรัฐธรรมนูญ ไม่มีเสียงสว.สนับสนุน ซึ่งเท่ากับปิดประตู ไม่ให้เกิดผู้นำทางการเมือง