‘โรม’ ลุกซัด ‘ประยุทธ์’ กระทู้ยื้อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ไหวอย่าฝืน สภาไม่มา ให้รมช.ตอบแทน

“จะใช้จนฟ้าดินสลายหรือไม่” ‘โรม’ ถามกลางสภา ชี้ โควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว เหตุใดจึงยังยื้อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย้ำ รัฐบาลปกครองแบบทรราช ไม่ต้องการปกครองด้วยกฎหมาย

 

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อกรณีที่ยังคงประกาศตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมโรคหรือการระบาดของโควิด 19 เอาไว้ แม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงอย่างมากและเตรียมเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
.
รังสิมันต์ ได้ถามคำถามในช่วงแรกว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจาก โควิด 19 ประกาศใช้อย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี ต่ออายุมาแล้ว 18 ครั้ง จนคนนึกว่าเป็นกฎหมายปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จึงมีข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่า คงไว้เพื่อดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองอย่างเข้มข้น ทั้งที่เป็นการออกไปชุมนุมตามสิทธิของเขา โดยอ้างว่าการชุมนุมอาจเป็นสาเหตุการระบาดของโควิด แต่ก็ไม่เคยได้รับรายงานหรือมีหลักฐานว่ามีการชุมนุมครั้งไหนมีการระบาดขนาดใหญ่ที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมือง มีแต่การระบาดเกิดขึ้นในเรือนจำเมื่อจับพวกเขาไปขังไว้แล้ว
.
“คำถามข้อแรกจึงอยากขอข้อมูลว่าตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองมา ครั้งไหนเป็นต้นเหตุการระบาดของโควิดบ้าง ข้อสอง เมื่อโควิดเป็นโรคประจำถิ่นรัฐบาลมีความจำเป็นอะไร ที่ยังต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำไมไม่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ แต่ถ้ามองว่าไม่พอทำไมไม่แก้ให้เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะผ่านมา 2 ปีแล้ว สามารถทำได้ และขอให้ตอบให้ชัดว่า เมื่อไหร่จะยุติการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าไม่คิดที่จะเลิกก็ขอให้ประกาศให้ประชาชนได้ยินหน่อยว่าจะประกาศใช้ชั่วฟ้าดินสลาย”
.
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ได้ตอบคำถามว่า เนื่องจากโควิด 19 เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงต้องคงไว้เพื่อบูรณาการการทำงานของส่วนงานต่างๆได้ทัน ปัจจุบันได้ดำเนินการจนสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงไป แต่ก็ยังมีรายงานการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ ฝ่ายสาธารณสุขยังคงมีความกังวลว่าจะมีการระบาดกลุ่มก้อนใหม่จึงต้องมีความรวดเร็วในการบูรณาการการทำงาน ทุกส่วนงานไม่ว่าการแพทย์หรือเศรษฐกิจ
.
สำหรับคำถามว่ามีข้อมูลพบการระบาดจากการชุมนุมหรือไม่ มีข้อมูลที่สามารถพบได้บนหน้าสื่อ เรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจารณา ส่วนจะเลิกประกาศตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ขณะนี้อยู่ในช่วงที่ ศบค.กำลังติดตามและประเมินสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศและอยู่ในการพิจารณาที่ต้องคำนึงถึงสาธารณสุขเป็นหลัก

คำถามในช่วงที่สอง รังสิมันต์ กล่าวว่า การแก้สถานการณ์โควิด จากบทเรียนของต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วจะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดึงทุกฝ่ายมามีส่วนร่วมแก้ปัญหา ไม่ใช่เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปกดทับ เพื่อไม่ให้ประชาชนแสดงออกหรือมีส่วนร่วมได้ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงมากและกำลังไปสู่โรคประจำถิ่น การใช้กฎหมายแบบนี้เหมาะสมหรือไม่
.
“ช่วงที่ผ่านมามีการประกาศให้ 7 พื้นที่ของ กทม.สามารถชุมนุมได้ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อให้มีการส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลได้ แต่การเปิดพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าไม่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงยังคงดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมได้เพราะเป็นกฎหมายคนละฉบับ
.
“จึงอยากถามรัฐมนตรีตอบให้ชัดว่าตกลงแล้วเจตนารมณ์ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคืออะไร ถ้าต้องการใช้เพื่อควบคุมโรคระบาดทำไมจึงไม่ไปตั้งซุ้มตรวจ หรือฉีดวัคซีน เห็นทำแค่ครั้งสองครั้งแรกเท่านั้น มากไปกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองที่เป็นไปในลักษณะตำหนิด่าว่าพวกท่านเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดี กลุ่มคนบางสีที่สีเสื้อเหมือนวันจันทร์ มักจะไม่โดนดำเนินคดีด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้หมายความว่าต้องไปดำเนินคดีกับเขา แต่ถ้าเขาได้รับประโยชน์ เด็ก เยาวชน นักศึกษา ประชาชนที่เขาออกมานำเสนอปัญหาที่มีต่อรัฐบาลก็ไม่ควรถูกดำเนินคดีเช่นกัน จึงอยากถามว่า เจตนารมณ์การดำเนินคดีคืออะไรและทำไมดำเนินคดีเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น”
.
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ตอบคำถามนี้ว่า ผู้ที่มาแสดงออกทางการเมืองทุกกลุ่มที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมายสามารถทำได้ แต่ถ้านอกขอบเขตกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่
.
ในการถามช่วงสุดท้าย รังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมการชุมนุมมาชี้แจงหลายครั้ง ปรากฏว่ามีการซัดทอดจากเจ้าหน้าที่ว่า สาเหตุที่ต้องบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดเกิดจากการที่สาธารณสุขไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ความน่าสนใจคือ การแจ้งดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ชุมนุมที่เห็นต่างจากท่านเท่านั้น นี่คือบรรทัดฐานทางกฎหมายหรือ หน้าที่ของท่านคือการบังคับใช้กฎหมายให้ได้อย่างเท่าเทียมกัน
.
“แต่การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกิดขึ้นเฉพาะกับคนกลุ่มเดียว คือกลุ่มคนที่ชิงชังท่าน วันนี้สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงจากโควิดผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง พวกเขารู้สึกว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีความสามารถในการบริหารและนำพาประเทศไปข้างหน้า บางคนอยากเปลี่ยนรัฐบาล หรืออยากส่งเสียงให้ได้ยิน ซึ่งบางคนอาจอยากใช้วิธีชุมนุมทางการเมืองที่เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ตั้งแต่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประชาชนถูกดำเนินคดีไปแล้ว 1,473 คน เฉพาะเดือน มิ.ย.ที่ผ่อนคลายแล้ว 21 คน คำถามคือจะให้เขาชุมนุมตามสิทธิ และตามรัฐธรรมนูญอย่างไรให้ไม่ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อสอง อย่างการชุมนุมบริเวณดินแดงที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งต้องการไปส่งเสียงที่บ้าน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายก แต่มักโดนสลายการชุมนุม โดนกระสุนยาง โดนรถฉีดน้ำความดันสูง เขาไม่มีอะไรเลยและการชุมนุมควรจะจบด้วยความสงบ แต่ไปสลายเขาแบบนั้น มันก็ยิ่งบานปลายเพราะพวกเขาก็มีหัวใจ

“ผมคิดจริงๆว่ารัฐบาลไม่ต้องการปกครองประเทศนี้ด้วยกฎหมาย ท่านแค่อ้างกฎหมายเวลาได้ประโยชน์ เวลาเสียประโยชน์ก็จะอ้างความจำเป็น และมีกรอบอำนาจที่เขียนเอาไว้กว้างๆเพื่อไม่ต้องรับผิดอะไรเลย อย่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นต้น สิ่งที่ท่านทำคือความใจแคบและคือพฤติกรรมของทรราช ขอภาวนาและอวยพรให้คนอย่างท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะได้ฟังประชาชนตราหน้าคนอย่างท่านไว้อย่างไร พวกเขาจะบอกลูกหลานว่าโตไปอย่าเป็นคนแบบ ประยุทธ์ จันทร์โอชา พวกเขาจะเรียนรู้ว่า ผู้นำแบบท่านสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างไร ขออวยพรให้พวกท่านอายุยืนเพียงพอเห็นปรากฏการณ์นี้”