“สุดารัตน์” ควง “ศิธา” ลุยข้าวสาร ชูค้าขาย 24 ชั่วโมง หนุนสร้างรายได้คนกรุง 12 เดือน 12 เทศกาล

“สุดารัตน์” ควง “ศิธา” ลุยข้าวสาร ชูค้าขาย 24 ชั่วโมง หนุนสร้าง “ Bangkok Creative City” สร้างรายได้ให้คน กทม. 12 เดือน 12 เทศกาล กระจายทุกเขต รวมทั้งการใช้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน

 

เมื่อคืนวานนี้ (24 เมษายน 2565) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม. หมายเลข 11 ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และนายสรเทพ โรจน์พจนารัช ผู้สมัคร ส.ก.เขตพระนคร หมายเลข 4 ลงพื้นที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร เพื่อร่วมงาน “Awakening Khaosan” เทศกาล 8 งานไฟจาก 8 ศิลปิน ซึ่งจัดโดย Time Out Bangkok ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 1 พฤษภาคม พ.ศ.2565

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทย เป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน เป็นทางเลือกใหม่ เป็นทางรอดของประเทศ เพื่อยุติความขัดแย้งการแย่งอำนาจทางการเมือง พรรคไทยสร้างไทยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน ที่กำลังประสบกับวิกฤตอันหนักหน่วง โดยนโยบายของไทยสร้างไทย คือการ ”สร้างโอกาสให้คนกรุงเทพกลับมาทำมาหากินได้สะดวกที่สุด รวดเร็วที่สุด และแข็งแรงที่สุด” ทั้งนโยบายการเพิ่มพื้นที่ค้าขาย ทำให้กรุงเทพฯเป็นเมือง Street Food ระดับโลก เพิ่มเวลาการค้าขายได้ทุกวัน และเพิ่มตลาดกลางคืนให้สามารถขายได้ 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างรายได้ให้คนกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น

น.ต.ศิธา ทิวารี กล่าวว่า นโยบาย Bangkok Creative City ของตน เป็น นโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้คนกรุงเทพฯด้วยการจัดเทศกาลที่แสดงความเป็นไทยและสากลทุกเดือน 12 เดือน 12 เทศกาลทั้งงานปีใหม่ สงกรานต์ วิสาขบูชาลอยกระทง เทศกาลดนตรีอาหาร แฟชั่น ศิลปะ การแข่งขันกีฬา รวมทั้งอีสปอร์ต

นอกจากนั้นคือการใช้แนวคิดสร้างสรรค์ในการสร้างรายได้ให้ชุมชนจากการขายวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวบ้านสถาปัตยกรรม อาหาร และของดี ของแต่ละชุมชน อย่างชุมชนตลาดน้อยเป็นต้น

ด้านนายสรเทพ กล่าวว่า งาน Awakening Bangkok เมื่อปี 2563 มีผู้เข้าชมงาน 126,681 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 158.16 ล้านบาท แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคืองานดีๆ แบบนี้ กลับขาดการสนับสนุนจากรัฐและ กทม. ดังนั้น ตนจะผลักดันให้เกิดงานที่สร้างรายได้ให้คนพระนครแบบนี้ทุกเดือน เพื่อสร้างสีสันให้พระนคร และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้คนพระนคร อีกทั้งจะสนับสนุนและผลักดัน soft power ของไทย เพื่อต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ให้ต่างชาติที่ได้รับรู้และเข้าถึงวัฒรธรรมของไทย และสามารถสร้างรายได้ให้คนไทยรวมถึงเขตพระนคร

“พระนครไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ของการแสดง soft power เท่านั้น แต่จะต้องเป็นศูนย์กลางของการผลิต soft power ไทยส่งออกไปยังทั่วโลก ผมมั่นใจว่าเขตพระนครมีสถาปัตยกรรม มีวัฒนธรรมที่สวยสดงดงามไม่แพ้ใคร อีกทั้งเขตพระนครยังถือเป็นหัวใจสำคัญของประวัติศาสตร์แต่ขาดการต่อยอด ผมจะผลักดันให้เกิดการดึงเอาจุดเด่นของพระนคร มาต่อยอดการท่องเที่ยว สร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้คนพระนคร ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ตลอด 30 ปีของผม ที่เข้าใจและเข้าถึงพื้นที่พระนคร จะสามารถผลักดันให้สำเร็จได้ครับ” นายสรเทพ กล่าว