ปปง.จับมือ บังคับคดี แชร์ข้อมูลรายชื่อบุคลล-ทรัพย์ เพิ่มประสิทธิภาพยึด อายัดรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่โรงแรมดุสิตธานี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมด้วย น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมร่วมมือด้านการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลในคดีระหว่าง ปปง.และกรมบังคับคดี จากแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี(พ.ศ.2560-2564) และแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี(พ.ศ.2560-2563) ของ ปปง.ในด้านการบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้านการป้องกันดูแลปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนการก่อการร้าย ให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อบุคคล และรายการทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีทางแพ่ง และคดีล้มละลายของกรมบังคับคดี กับข้อมูบเกี่ยวกับรายื่อบุคคลและรายการทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการกับทรัพย์สินตามกฎหมายฟอกเงิน รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินเฉพาะที่คดีถึงที่สุดแล้ว และรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด และรายการทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการกับทรัพย์สิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบ ปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของปปง. โดยวิธีการทางอิเล็กทรนิกส์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนตุลาคมนี้


น.ส.รื่นวดี ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้คาดว่าหลังจากมีความร่วมมือแล้วจะทำให้กรมยังคับคดีสามารถสืบค้นข้อมูลและตรวจสอบรายการทรัพย์สิน ในการบังคับคดีก่อนที่มจะมีกายึดหรืออายัด เพื่อป้องกันและลดการยึดดอายัดทรัพย์สิน ที่มีความซ้ำซ้อนกับทรัพย์สินที่มีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็้นของแผ่นดิน อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่โดยคดีอาญาฐานฟอกเงิน รวมถึงรายชื่อบุคคลหรือรัพย์ที่ถูกระงับการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อประกอบในการบังคับคดีแพ่งและล้มละลาย

เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า มั่นใจการลงนามร่วมครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ในด้านการติดตาม และตรวจสอบทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด  ป้องกันการยึดอายัดทรัพย์สินซ้ำซ้อน  หากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายฟอกเงิน ในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูลบุคคลรายชื่อที่ถูกกำหนด จะทำให้กรมบังคับคดีตรวจสอบได้เร็วขึ้น รวมทั้งจะเป็นประโยชน์แก่การตรวจสอบหักล้างข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายได้ของบุคคล กรณีที่หากบุคคลใดมีประวัติถูกบังคับคดี หรีอบุคคลล้มละลายแลจะทำให้เกิดความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในการดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ที่กระทำความผิดให้กลับคืนเป็นของแผ่นดิน