#หมอกระต่าย : พระอุปัชฌาย์ เผยช่วงบวช ส.ต.ต.นรวิชญ์ ‘พล.ต.ต.’มารับรองเอง ตร.ยันคดีทำครบถ้วน

พระอุปัชฌาย์ เล่านาทีบวช ส.ต.ต.นรวิชญ์ มีตำรวจยศ พล.ต.ต. มารับรองเอง เผย อาการชัด-คล้ายคนเป็นซึมเศร้า เทศน์หลังบวชจนพ่อพระร้องไห้ กลุ่มเหยื่อเมาแล้วขับ ร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยหมอกระต่าย ผกก.พญาไท ทำคดีครบถ้วนทุกมิติ

วันที่ 25 ม.ค.2565 เมื่อเวลา 12.00 น. พระครูสถิต บุญวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดด่าน (พระอุปัชฌาย์) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. เจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ ได้โทรศัพท์มาบอกกับอาตมา ว่าขอให้ช่วยไปทำพิธีบวชให้กับตำรวจทั้งสองนายตอนเวลา 15.00 น. โดยใช้คำว่า “ขอให้ช่วยสงเคราะห์” ซึ่งตนกับเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงไปบวชให้โดยไม่ได้ถามเหตุผลหรือรายละเอียด เพราะปกติแล้วการรับบวชจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าอาวาสมาแล้ว โดยตำรวจทั้งสองนายบอกว่า จะบวชเป็นเวลา 3 วัน

พระครูสถิต กล่าวต่อว่า หากยึดตามเงื่อนไขรายละเอียดตามที่กฎมหาเถรสมาคมระบุไว้ ผู้ที่จะมาบวชได้จะต้องมีการตรวจสอบประวัติจากเลขบัตรประชาชนก่อน เพื่อป้องกันบุคคลที่หนีคดีมาบวช และหากเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี แม้ศาลจะยังไม่ตัดสินความผิด แต่หากต้องมีนัดรายงานตัวก็ไม่ควรให้บวช เพราะการห่มผ้าเหลืองไปรายงานตัวเรื่องทางคดีอาญานั้น ถือว่าไม่เหมาะสม

พระอุปัชฌาย์ เล่านาทีบวช พระนรวิชญ์ ตำรวจยศ พล.ต.ต. มารับรองเอง เผย อาการชัด-คล้ายคนเป็นซึมเศร้า

พระอุปัชฌาย์ เล่านาทีบวช พระนรวิชญ์ ตำรวจยศ พล.ต.ต. มารับรองเอง เผย อาการชัด-คล้ายคนเป็นซึมเศร้า

พระครูสถิต กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของข้าราชการที่จะบวชตามหลักแล้วต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้างาน โดยต้องมีการเซ็นเอกสารมา และใช้อ่านในโบสถ์ขณะทำพิธีบวชด้วย แต่กรณีของพระนรวิชญ์ ไม่ได้มีเอกสารมา แต่ผู้บังคับบัญชา ยศพลตำรวจตรี เดินทางมารับรองในพิธีด้วยตนเอง มีตำรวจมาร่วมพิธีเต็มโบสถ์

พระครูสถิต กล่าวว่า ซึ่งอาตมาก็เพิ่งเคยเจอกรณีที่ข้าราชการบวชแล้วผู้บังคับบัญชาเดินทางมารับรองเองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่ก็พอจะประเมินได้ว่าเกิดจากความสัมพันธ์อันดี เจ้าอาวาสจึงช่วยสงเคราะห์ เพราะปกติเวลาตำรวจควบคุมฝูงชนมาปฏิบัติงาน วัดปริวาสฯ ก็จะเอื้อเฟื้อสถานที่ให้พักอยู่เป็นประจำ

“ในการทำพิธีบวชเมื่อวานนี้ อาตมาสังเกตเห็นว่า พระนรวิชญ์แสดงอาการชัดเจนว่ากำลังมีปัญหาอยู่ภายในจิตใจ ดูแล้วน่าเป็นห่วง คล้ายอาการของคนซึมเศร้า ส่วนการที่พ่อบวชด้วยเมื่อวานนี้ หลังจากบวชเสร็จ อาตมาก็ได้เทศน์สอน ว่าการบวชไม่สามารถลบล้างสิ่งที่กระทำลงไปได้ พ่อของพระนรวิชญ์เองก็ตื้นตันถึงขั้นร้องไห้ออกมา แต่อาตมาก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะโดยมารยาทก็ไม่ควรไปล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้ที่จะบวช แต่ก็ได้แนะนำว่าบวชแล้วก็ให้เน้นปฏิบัติธรรมด้วยการเข้ากรรมฐาน เพื่อบำบัดจิตใจ” พระครูสถิต กล่าว

พระครูสถิต กล่าวต่อว่า ซึ่งอาตมาก็ประเมินว่าเหตุที่เจ้าอาวาสอนุญาตให้บวช เป็นเพราะมองเรื่องจิตใจเป็นอันดับแรก เรื่องกฎเกณฑ์มาทีหลัง ภายหลังบวชแล้วปรากฏว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง อีกทั้งเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ ก็ได้รับการติดต่อจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมา ถึงกรณีที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะการบวชที่น่าจะไม่ได้เข้าระบบถูกต้อง

พระครูสถิต กล่าวด้วยว่า ซึ่งเจ้าอาวาสเองก็บอกกับอาตมาว่า ทางเดียวที่จะระงับปัญหาได้ ก็คือต้องให้พระนรวิชญ์สึกออกไป โดยได้พูดคุยกับเจ้าตัวแล้ว ก็ยินยอมที่จะสึก เบื้องต้นกำหนดไว้ว่า ในเย็นวันนี้จะไปร่วมพิธีศพของผู้เสียชีวิตอีก 1 วัน แล้วจะกลับมาสึกที่วัด แต่จะยังคงให้นุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 ต่อไป ส่วนพระพ่อจะบวชต่อให้ครบกำหนด 3 วัน

กลุ่มเหยื่อเมาแล้วขับ เตือนอย่าให้วัวหายแล้วล้อมคอก 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.00น. นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ร่วมกับสมาชิกกลุ่มซึ่งเป็นผู้พิการรวม 4 ราย วางช่อดอกไม้และป้ายข้อความ บริเวณทางม้าลาย ถนนพญาไท หน้าโรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ เพื่อไว้อาลัยให้กับ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย หลังถูก ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 บก.อคฝ.ขี่บิ๊กไบค์ชนเสียชีวิตตรงจุดดังกล่าว พร้อมเรียกร้องทวงคืนทางม้าลายที่ปลอดภัยให้กับประชาชน

นายเจษฎา กล่าวว่า รู้สึกหดหู่กับเหตุการณ์ทึ่เกิดขึ้น เพราะเราเป็นเหยื่อที่ได้รับอุบัติเหตุจากท้องถนนจนได้รับความสูญเสีย จึงอยากให้กรณีของหมอกระต่ายเป็นอุทธาหรณ์สำหรับคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนน เพราะทุกวันนี้จิตสำนึกของคนใช้ถนนขาดหายไปมาก มีอุบัติเหตุทุกวัน วันนี้จึงตั้งใจ อยากให้ถนนของไทยปลอดจากอุบัติเหตุ เพราะทางม้าลายควรเป็นที่ปลอดภัยสำหรับคนข้ามถนน รถทุกคันควรจะหยุดเมื่อใกล้ทางม้าลาย คนมีใบขับขี่ควรจะรู้ดี

“มันหดหู่นะ เวลาทุกครั้งที่พูดว่าเคสนี้เป็นเคสสุดท้าย ขอให้กฎหมายลงโทษรุนแรงขึ้น ขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีขึ้น แต่เปล่าเลย ผมมาพูดในเหตุการณ์ลักษณะนี้ 40-50 ครั้งแล้ว ขอบคุณที่สื่อเห็นว่าเรื่องนี้ควรได้รับการรณรงค์ เพราะน้อยคนที่จะโชคดี รอดชีวิตจนมานั่งรถเข็นคนพิการแบบผม ที่เป็นเพียงเสียงเล็กๆ จากหลักหมื่นหลักแสนที่ยังพิการหรือได้รับอุบัติเหตุจากท้องถนนจนได้รับความเดือดร้อนทุกข์เข็ญ อยากให้ประชาชน รวมถึงภาครัฐ ตระหนักและรณรงค์ให้เคสนี้ เป็นเคสสุดท้ายที่ได้รับอุบัติเหตุจากการข้ามถนนบนทางม้าลาย” นายเจษฎา กล่าวและว่าก่อนมาจัดกิจกรรม ตนนั่งมองมาสักพักก็เห็นว่ามีรถน้อยคันที่หยุดหรือชะลอให้คนข้าม นี่เป็นสาเหตุที่มีการเฉี่ยวชนเกิดขึ้น” นายเจษฎา กล่าวและว่า

อย่างเคสหมอกระต่าย พอตนเห็นคลิปเหตุการณ์ก็แทบจะร้องไห้ เพราะเป็นเหมือนที่เพื่อนตนเจอและเสียชีวิต ซึ่งสถิติที่รวบรวมไว้ พบว่ามีร้อยละ 95 ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการข้ามถนน มีเพียงร้อยละ 5 ที่พิการ แขนขาขาด เฉพาะในกรุงเทพฯ มี 1,700 คน มีรอดชีวิตมาไม่ถึง 15 คน วันนี้อยากจะพาเขามา แต่หลายคนไม่กล้าเพราะยังรับไม่ได้ที่ข้ามทางม้าลายแล้วโดนรถชน เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพียงแต่มีภาพคลิปที่ชัดเจน เพราะยังมีคนอีกนับร้อยพันที่ยังไม่เป็นข่าว ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ หมอกระต่ายต้องได้รับความยุติธรรม เชื่อว่าสิ่งดีๆ จะตามมาหลังจากนี้ให้สังคมไทยตระหนักขึ้น

“ไม่อยากจะพูดว่าวัวหายล้อมคอก อยากบอกว่าอย่าให้เป็นอย่างนี้อีก ทุกๆ 24 ชั่วโมง กรุงเทพฯ ต้องปลอดภัย ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องให้ความสำคัญกับทุกที่บนท้องถนนของไทย อย่าให้ใครมาว่าวัวหายล้อมคอก เหตุการณ์ไม่เกิดจะไม่ทำ ต้องกั้นคอกไว้ก่อนที่วัวจะหาย” นายเจษฎา กล่าว

ขณะที่ อ.จตุรงค์ จงอาษา ผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา แสดงความคิดเห็น ระบุว่าอุปัชฌาย์ดีศรีพระศาสนา? บวชได้บวชไม่ได้รู้อยู่แก่ใจ พรรษาไม่ใช่น้อยๆ ข่าวก็ครึกโครม

1.ข้าราชการจะบวชต้องมีกำหนดชัด ไม่ใช่บวชไม่สึก แบบนี้เรียกว่าละทิ้งหน้าที่ราชการ

2.ข้าราชการจะบวชต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด ว่าไม่ได้หนีราชการมาบวช

3.หากเป็นผู้ต้องหาที่คดีไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องมีกำหนดให้ชัดเจนว่าจะสึกเมื่อไร ไปขึ้นศาลจะไปในผ้าเหลืองก็ได้ แต่เมื่อคดีสิ้นสุด ศาลลงอาญาก็ต้องสึก

4.แบบนี้เข้าเกณฑ์มหาเถรสมาคม ข้อ1-2-3 พระสังฆาธิการที่บวชให้ควรรับการลงโทษตามจริยาพระสังฆาธิการ

สุดท้ายนี้ คงต้องรอดู เจ้าคณะปกครอง ทั้งเจ้าคณะกทม. เจ้าคณะภาคหนึ่ง และที่ขาดเสียไม่ได้ เจ้าประคุณสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้ถูกต้อง หรือจะนิ่งเงียบตีมึนกันไปวันๆ

อนึ่ง….การบวชให้ส่งเดชนั้นอันตรายมากๆ เพราะกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ดูอย่างในอดีตเถิด ชนวนเหตุวิกฤต 6 ตุลา ก็เพราะพระผู้ใหญ่พาซื่อบวชชุบตัวให้เณรจอมพลถนอม จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะดันไปบวชให้บุคคลอันไม่สมควร #หรือคณะสงฆ์ไทยลืมประวัติศาสตร์ในอดีต?

ผกก.พญาไท ยันทำคดีครบถ้วนทุกมิติ ฝากญาติเชื่อมั่นการทำงานของตำรวจ

ที่สน.พญาไท เมื่อเวลา 12.30 น.พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท เปิดเผยความคืบหน้าสำนวนคดี ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผู้ต้องหาในคดีขับขี่รถจยย.โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่นรวม 7 ข้อหา กรณีขับรถพุ่งชนนายแพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เสียชีวิตที่หน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า การตรวจสอบ รถจยย.ของส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ส่งไปตรวจสอบที่กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ

โดยการตรวจสอบแบ่งเป็นการตรวจสอบเรื่องของสภาพรถ อุปกรณ์ของรถในการขับขี่ว่ามความสมบูรณ์อย่างไร รวมถึงประเด็นสำคัญคือวิเคราะห์ความเร็ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ในเบื้องต้นภาพจากคลิปวีดีโอและกล้อง CCTV มีการประเมินแล้วว่า สามารถตรวจได้ เพราะจากภาพที่รถวิ่งตามคลิปสามารถตรวจและยืนยันความเร็วได้ แต่ทั้งนี้ต้องรอผลระบุเป็นตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนสัญญาซื้อขายรถว่ามีความถูกต้องหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวนายปฏิภาณผู้ขายรถจยย. ducati ให้กับ ส.ต.ต.นรวิชญ์ มาสอบสวนแล้ว พบว่ามีสัญญาการซื้อขายจริง ตัวเลขในการซื้อขายตรงกัน ส่วนที่นายปฏิภาณให้การพาดพิงว่าซื้อมาจากใคร ตำรวจจะออกหมายเรียกมาเพื่อสอบปากคำต่อไป แต่ในส่วนนี้ถือว่าเสร็จสิ้นเรื่องที่มารถของ ส.ต.ต.นรวิชญ์แล้ว การเรียกสอบพยานอีก 2 ปากเป็นเพียงการสอบให้สิ้นข้อสงสัยเท่านั้น ขอให้พยานมาตามหมายเรียกไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับการดำเนินคดี หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีบุคคลโพสต์อ้างว่ารถจยย.ที่ใช้กระทำความผิด เป็นรถของกลางทำให้เกิดความเสียหายในลักษณะนี้จะมีความผิดหรือไม่ พ.ต.อ.บวรภพกล่าวว่า ผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวในลักษณะนี้ อยากขอเตือนว่าหากยังไม่ทราบข้อเท็จจริงกรุณาอย่าโพสต์แบบนี้ เพราะจะสร้างความเสียหายให้แก่ตัวท่านเองและให้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาได้

สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหา ส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาหลักไปตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.แล้วส่วนข้อหาย่อยอีก 6 ข้อหานั้นได้ดำเนินการแจ้งเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 23 ม.ค.เสร็จสิ้นแล้วจำนวน 7 ข้อหา ขอยืนยันว่าจะสามารถรวบรวมสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งให้อัยการได้ภายในวันที่ 11 ก.พ.นี้ หากผู้ต้องหายังคงบวชอยู่ไม่สึกอาจต้องมีการเจรจาพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะว่าต้องนัดส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการ สำหรับข้อมูลการสอบปากคำในส่วนของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ นั้นเพียงพอแล้ว สวนการลงโทษทางวินัยอันเป็นการกระทำผิดของตำรวจต้องคดีอาญา เป็นเรื่องของหน่วยงานของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ที่จะพิจารณาการสอบสวน

“สุดท้ายนี้ขอฝากญาติของแพทย์หญิงวราลัคน์ว่าพนักงานสอบสวน สน.พญาไทดำเนินการคดีอย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา ไม่มีการบิดเบือนคดีแต่อย่างใด อย่ามองกระแสในโซเชียล ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจว่าเราทำงานอย่างเต็มที่” พ.ต.อ.บวรภพกล่าว ส่วนรถจยย.ของกลางถูกจัดเก็บไว้ที่เก็บรถของกลางของสน.พญาไท

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (หรือ นปถ.) มีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนนและคนเดินเท้า จึงได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้มีสภาพบังคับใช้กับผู้ฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด เพื่อเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางข้ามถนน (ทางม้าลาย)

โดยในวันที่ 28 ม.ค.65 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมคณะลงสำรวจพื้นที่ทางข้ามถนน (ทางม้าลาย) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เก็บรวบรวมข้อมูล และจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากขึ้นทั่วประเทศ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถ ใช้ถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ได้ยกร่างระเบียบระบบตัดคะแนนสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว และจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อดำเนินการต่อไป คาดว่าจะอนุมัติและบังคับใช้ได้ในเดือนกันยายน พ.ศ.2565 และมีการเสนอเพิ่มโทษการฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร จากปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติประกาศใช้ได้ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2565

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน สำหรับเรื่องคดีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว ไม่มีละเว้น และจะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนนและคนเดินเท้า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้กระทำความผิด ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้ท่าน หรือ โทร.สายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 17 พ.ศ.2536 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ มส. กำหนดลักษณะของคนที่ต้องห้าม ให้งดเว้นจากการบรรพชาอุปสมบทไว้ในข้อ 14 ว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้

1.คนทำผิดหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน 2.คนหลบหนีราชการ 3.คนต้องหาในคดีอาญา 4.คนถูกตัดสินจำคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 5.คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระพุทธศาสนา 6.คนเป็นโรคติดต่อ เป็นที่น่ารังเกียจ อาทิ วัณโรคในระยะอันตราย และ 7.คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้

นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า ดังนั้น กรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาขับรถชนคนจนเสียชีวิต จึงถือว่าอยู่ในกลุ่มคนต้องห้าม ไม่สามารถบวชได้ กรณีพระอุปัชฌาย์บวชให้ทั้งที่รู้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามจะมีความผิด ผู้บังคับบัญชาอาจสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ แต่ไม่ถึงขั้นอาบัติ เพราะถือว่าทำความผิดในฐานะพระอุปัชฌาย์ ส่วนกรณีที่พระอุปัชฌาย์ไม่รู้ว่าต้องโทษแล้วหนีมาบวช ตรงนี้พระอุปัชฌาย์จะไม่มีความผิด แต่เมื่อรู้แล้วจะต้องให้ลาสิกขา

“กรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ ที่ต้องคดีอยู่ ถือเป็นบุคคลต้องห้ามจากการอุปสมบท พระอุปัชฌาย์ต้องให้ลาสิกขา พ้นจากความเป็นสงฆ์ทันที ที่ผ่านมามีผู้ที่หนีคดีแล้วมาบวชค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่พระอุปัชฌาย์ไม่ทราบ พอทราบก็ให้ลาสิกขาทันที การที่หนีคดีแล้วมาบวช ไม่ใช่ว่าจะพ้นผิด บางคนอยากบวชเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้ที่ถูกกระทำ

ซึ่งตรงนี้อยากบอกว่าในฐานะชาวพุทธ ต้องเข้าใจว่ากระทำความผิดระดับใด ไม่สามารถไปบวชได้ แม้จะสำนึกผิด และอยากใช้ศาสนาเป็นที่พึ่ง แต่ขอให้รับโทษทางกฎหมายให้จบก่อน เมื่อรับโทษจบแล้ว อยากจะสร้างบุญให้กับผู้ที่ถูกกระทำ สามารถไปบวชทีหลังได้ ตรงนี้ต้องเข้าใจ และลำดับขั้นตอนให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด” นายสิปป์บวร กล่าว