ดีลสะเทือนวงการเกมส์! ‘Microsoft’ ทุ่ม 2.29 ล้านล้าน ซื้อกิจการ ‘Activision Blizzard’ สั่นถึงรัฐบาลสหรัฐฯ

Microsoft เขย่าวงการเกมส์รับปีใหม่ ทุ่ม 2.29 ล้านล้านบาท ซื้อบริษัท Acitivsion Blizzard ผู้สร้างเกมส์ฟอร์มยักษ์ สั่นไปถึงรัฐบาลสหรัฐฯ จนต้องรีบวางแนวทางป้องกันผูกขาด

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม ไมโครซอฟต์ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกาศทุ่ม 69,000 ล้านดอลลาร์ (2.29 ล้านล้านบาท) ซื้อบริษัทแอคติวิชัน บลิซซาร์ด บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ผู้สร้าง Call of Duty ,Candy Crush และ Overwatch

หากการเข้าซื้อบริษัทแอคติวิชันสำเร็จ จะกลายเป็นการเข้าซื้อบริษัทที่ใช้เงินสูงที่สุดในอุตสาหกรรมเกม นอกจากนี้จะทำให้ไมโครซอฟต์กลายเป็นบริษัทเกมที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 3 รองจากบริษัทเท็นเซนต์และโซนี่

นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟต์กล่าวว่า “เกมเป็นประเภทของความบันเทิงที่น่าตื่นเต้นและทรงพลังมากที่สุดในทุกแพลตฟอร์มในปัจจุบัน และเกมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส”

ทั้งนี้บริษัทแอคติวิชันเผชิญกับปัญหาการประท้วงของพนักงาน และการฟ้องร้องมากมาย โดยตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการร้องเรียนราว 700 ครั้งจากพนักงานที่พบปัญหาการคุกคามทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศและการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

อ้างอิงจากการรายงานของเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล และพนักงานของบริษัทเกือบ 20% ได้ลงชื่อเรียกร้องให้นายบ็อบบี โคติค ซีอีโอของบริษัทลาออก อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่านายโคทิคจะลาออกหลังจากดีลการซื้อเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน 2023

ไม่เพียงนี้ การดีลสะเทือนวงการดังกล่าว ยังแผ่แรงสั่นไปถึงรัฐบาลสหรัฐฯ โดย gamesradar รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมาธิการพาณิชย์กลางของสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมทบทวนแนวทางการควบรวมกิจการต่อต้านการผูกขาด โดยทั้ง กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯและคณะกรรมาธิการพาณิชย์กลางได้ เฝ้าติดตามและอาจตรวจสอบการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ อาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด มักจะผ่านการจัดการที่ต่อต้านการแข่งขันหรือการผูกขาด ในการถ่ายทอดสดร่วมกัน

ก่อนหน้านี้ รีน่า ข่าน ประธานกมธ.พาณิชย์กลาง ซึ่งแถลงผ่านทวิตเตอร์ของกมธ.พาณิชย์กลาง ระบุว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน กำลังร่วมกันเปิดตัวทบทวนแนวทางการควบรวมกิจการ” เพื่อปรับปรุงความสามารถของหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดในการประเมิน “การควบรวมกิจการที่ผิดกฎหมาย” และบังคับใช้กฎระเบียบ

“หลักฐานล่าสุดบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมจำนวนมากทั่วทั้งเศรษฐกิจกำลังเข้มข้นขึ้นและมีการแข่งขันน้อยลง – ทางเลือกที่ไม่ปลอดภัยและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับผู้บริโภค คนงาน ผู้ประกอบการ และธุรกิจขนาดเล็ก ปัญหาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะยังคงมีอยู่หรือแย่ลงเนื่องจากการควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งมีการยื่นขอควบรวมกิจการมากกว่าสองเท่าจาก 2020 เป็น 2021″ แถลงระบุ