หมอชายแดนใต้ ซึ้งใจ รัฐมนตรีฯนิพนธ์ ให้กำลังใจแพทย์ จิตอาสาฯ รพ.สนามม.นราธิวาสฯ “ไม่นึกว่าท่านจะมาเยี่ยมพวกเราที่อยู่ห่างไกล”

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 กันยายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ โรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนคริทร์ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองศาสตราจารย์ ดร.รสสุคนธ์ แสงมณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ รมช.กระทรวงมหาดไทยได้มอบหน้ากากอนามัย ชุด PPE และบำรุงขวัญกำลังให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการจัดการผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส

นายนิพนธ์ กล่าวว่า “ในการเดินทางลงมาครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่เสียสละดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยในทุกๆวัน เพื่อระงับยับยั้งการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังดูแลป้องกันตนเองด้วย ส่วนตัวคิดว่าจังหวัดนราธิวาสได้บริหารจัดการอย่างดี ขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะทำให้สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้ทั่วถึงและมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน หากขาดเหลือสิ่งของอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ก็สามารถแจ้งมาได้และพร้อมที่จะดูแลในส่วนนี้อย่างเต็มที่ รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งให้ปัญหาจบลงโดยเร็ว โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ให้ได้”

ด้านตัวแทนแพทย์ที่ทำหน้าที่ในโรงพยาบาลสนามของจ.นราธิวาส ได้เปิดเผยว่า “พวกเราขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ลงพื้นที่มาเยี่ยมและให้กำลังบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่นึกว่าจะมีใครมาเยี่ยมในพื้นที่ถึงแม้เป็นพื้นที่สีแดงและอยู่ห่างไกลใต้สุดของประเทศไทย ก็ยังมาเยี่ยมให้กำลังใจ โดยทางจังหวัดฯยังคงบริหารจัดการสถานการณ์ได้ทุกอย่างได้อย่างเป็นปกติ พร้อมทั้ง มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.รพ.ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครต่างๆเพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ พร้อมป้องกันประชาชนที่กลุ่มเสี่ยงรวมทั้งยังได้เร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากจัดสรรวัคซีนมาเพิ่มเติมก็จะสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ครอบคลุมกลุ่ม608 และประชาชนทุกกลุ่ม ”