เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
ลมร้อนที่โหมแรง
ลมร้อน ทั้งที่เป็นลมร้อนธรรมชาติ และลมร้อนทางการเมือง กำลังโหมแรม
ลมร้อนธรรมชาติเตือนให้เราตระหนักว่า โลกใบนี้กำลังวิปริต
ส่วนลมร้อนทางการเมือง ก็เตือนเช่นเดียวกันว่าการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน
เพียง 8 เดือน ลมร้อนแปรเปลี่ยนเป็นพายุโหนกระหน่ำ ซัด รัฐมนตรีร่วงไป 4 คน
ร่วงแบบเงียบๆอย่างนายไชยา พรหมา ที่ตอนนี้ก็คงได้แต่จับเข่าปรับทุกข์กับส.ส.อีสานบางส่วนไป
ร่วงแบบ มีคำถาม ก็อย่างนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด และน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว
โดยนางพวงเพ็ชรซึ่งเคยมีอิทธิพลอย่างสูงในพื้นที่กทม. พลันที่ปรากฏชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเข้าเป็นดูแลคณะดำเนินงานและดูแลการทำงานสมาชิกสภากทม.เอง
ที่ทางของนางพวงเพ็ชรก็ดูจะถดถอยลง
จึงน่าจับตามองว่าบทบาทต่อไปของนางพวงเพ็ชรจะเป็นอย่างไร
ส่วนน.พ.ชลน่าน ก็มีคำถามว่าการเยียวยา ภาวะ”ฆ่าขุนพล”ของพรรคเพื่อไทย จะมีมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในเวทีสภา
กระแสกดดันนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ให้ลงจากเก้าอี้ประธานสภา ดูจะไม่จบ จนนายมุข สุไลมาน คนใกล้ชิด นายวันมูหะมัด ต้องออกมาปรามว่า ให้จบเรื่องนี้ได้แล้วเพราะอย่างไรก็จะไม่มีการเปลี่ยนประธานสภา
ดังนั้น ที่ยืนของน.พ.ชลน่าน “อันเหมาะสม”จะอยู่ตรงไหน จึงน่าติดตาม
น่าติดตามเช่นเดียวกับ เก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ซึ่งสำหรับ นายปานปรีย์ พหิทธานุ ที่”ตอบโต้กลับ”ด้วยการลาออกจากตำแหน่งหลังสูญเสียเก้าอี้รองนายกฯ
ถูกตั้งคำถามว่านี่จะเป็นฉากสุดท้ายของนายปานปรีย์ ในพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ขณะเดียวกัน ผู้มาใหม่ อย่างนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ จะมีบทบาทอย่างไรในเก้าอี้นี้
แน่นอน การรู้งาน คงไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นลูกหม้อเก่าอยู่แล้ว
แต่ที่น่าจับตาก็คือ จะดำเนินบทบาท”การต่างประเทศ” ในแนวทางแบบไหน
จะยึด”จารีต” แบบกลางๆ เซฟๆ
หรือจะรุกแบบ “ก้าวหน้า” ซึ่งตอนนี้ ภูมิรัฐศาสตร์โลก มีอะไรท้าทาย อย่างมากมาย
อย่างกรณี อิสราเอล-ปาเลสไตน์ หากคิดในเชิง”ก้าวหน้า” มีอะไรต้องติดตามไม่น้อย
เช่น ตอนนี้ ที่อเมริกัน เกิดปรากฏการณ์ การชุมนุมของนักศึกษาคน “หนุ่มสาว”ต่อต้านสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
เริ่มจาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (ยูซีแอลเอ) แล้วลามไปมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศกว่า 30 แห่ง
เกิดการปะทะกันเอง ระหว่างผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ อิสราเอล รวมถึงปะทะกับตำรวจ หลายครั้ง
นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นมา มีการจับกุมผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอย่างน้อย 38 ครั้ง มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 1,600 คน
ยังไม่รู้ว่า การเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวเหล่านี้จะขยายตัวไปขนาดไหน
ซึ่งก็คงต้องให้ความสนใจ
เพราะหากย้อนประวัติศาสตร์ไปในห้วงการกำเนิดของทศวรรษ 1960 (The Sixties) บรรดาคนหนุ่มคนสาวในมหาวิทยาลัยของสหรัฐออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามในเวียดนาม
โดยเริ่มจากนักศึกษาระดับบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กเลย์
แล้วขยายไปเป็นขบวนต่อต้านสงครามเวียดนามในระดับประเทศ และขยายออกไปทั่วโลก
เกิดความตื่นตัวในเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง เกิด“ขบวนการบุปผาชน” เกิดกระแส “summer of love” ท้าทายความรุนแรงในโลก
กระแสนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ในปัจจุบันหรือไม่ ไม่ทราบ
แต่คนที่รับผิดเรื่อง”ต่างประเทศ”ก็คงต้องเงี่ยหูฟังและติดตาม
ซึ่งหากเกิด และลามไปทั่วโลก
ไทย ซึ่งหลายคนหวาดกลัวคนรุ่นใหม่ กลัวคนหัวก้าวหน้า ก็คงหนีไม่พ้น
—————–