วิโรจน์ จี้ รบ.ตอบปมสัญญาให้ทุน “สยามไบโอไซเอนซ์” 600 ล้าน แต่ไม่ระบุส่งวัคซีนให้ไทยก่อน

‘วิโรจน์’ จี้รัฐบาลตอบปมสัญญาให้ทุน “สยามไบโอไซเอนซ์” 600 ล้านบาท แต่ไม่ระบุต้องส่งวัคซีนให้ไทยก่อน ขัดแย้งหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองขอเงินกู้ไปใช้

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกรณีเอกสารสัญญาให้งบประมาณสนับสนุน 600 ล้านบาท ระหว่างรัฐบาลไทย-สยามไบโอไซเอนซ์ ว่า จากข้อมูลเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 เว็บไซต์สำนักสารนิเทศสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงยอดการรับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และยอดที่ได้รับมาจากเเหล่งอื่นๆ ณ วันที่ 16 ก.ค. จำนวนทั้งสิ้น 8,193,500 โดส แต่หากไม่รวมวัคซีนที่บริจาคจากประเทศญี่ปุ่น จำนวนวัคซีนที่รัฐบาลได้รับคือ 7,140,500 โดส (ยอดการรับบริจาคจากญี่ปุ่นมี 2,704,100 โดส)

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ทางแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ได้ชี้แจงโดยกล่าวถึงข้อจำกัดการขาดเเคลนวัตถุดิบ ทำให้สามารถส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยได้เพียง 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ได้ส่งมอบวัคซีนให้กับกระทรวงสาธารณสุขไปเเล้ว 9,000,000 โดส

อย่างไรก็ตาม ยอดนี้มีข้อสังเกตว่า ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ทั้งหมด หรือเป็นยอดที่นับรวมกับยอดที่ได้รับบริจาคจากประเทศญี่ปุ่นไปด้วย ซึ่งหาก 9,000,000 โดส เป็นยอดที่ได้รับการผลิตมาจากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เท่านั้น ณ วันที่ 24 ก.ค. หมายถึงมีการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มเติมอีก 1,895,900 โดส และจากข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ทางแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ได้ชี้แจงเเละระบุว่าได้ส่งมอบวัคซีนอีก 2.3 ล้านโดสเสร็จสิ้นเเล้วในเดือนก.ค.

“เท่ากับว่ารัฐบาลไทยหรือกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ในเดือน ก.ค. ทั้งสิ้น 5,810,600 โดส แต่ถ้าในจำนวนนี้มีวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากประเทศญี่ปุ่นประมาณ 1 ล้านโดสเศษ จะเท่ากับว่าจะได้รับวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ที่ส่งต่อมาจากแอสตราเซเนกา ประเทศไทยจำนวน 4,757,600 โดส หรือยอดเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 5-6 ล้านโดส”

อย่างไรก็ตาม ยอดการส่งมอบวัคซีนในเดือนก.ค.ไม่ถึง 10 ล้านโดสแน่นอน ตัวเลขทั้งหมดนี้เป็นการประเมินเพียงคร่าวๆ จากข่าวที่ปรากฏเท่านั้น เหตุผลเพราะในปัจจุบันนี้ระบบติดตามการตรวจสอบย้อนกลับโซ่ความเย็นวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้ปิดไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปติดตามข้อมูลการตรวจสอบส่งมอบวัคซีนและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสต็อกวัคซีน จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ ข้อมูลการส่งมอบยังคงต้องติดตามจากข่าวที่รายงานจากสื่อมวลชนเป็นหลัก

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. โฆษกรัฐบาลได้ชี้เเจงผ่านรายการแจงให้เคลียร์ โดยชี้เเจงชัดว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นเพียงบริษัทที่รับจ้างผลิตวัคซีนให้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยเท่านั้น เเละระบุว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจไปบังคับให้มีการส่งมอบวัคซีนที่มีการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ให้กับประชาชนคนไทยก่อน ประเด็นนี้ตนคิดว่าประชาชนต้องตั้งข้อสังเกตเเละหาคำตอบร่วมกัน รวมถึงต้องกดดันให้รัฐบาลออกมาชี้เเจงเรื่องนี้ให้มีความชัดเจนกว่านี้

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าสยามไบโอไซเอนซ์ไม่ได้เป็นอิสระ สัญญาระหว่างรัฐบาลไทยและแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และต้องย้อนกลับไปดูว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 63 ตามหนังสือที่ นร.106/คนกง. ระบุอย่างชัดเจนว่า “เพื่อให้ประเทศไทยได้รับสิทธิ์ในการจัดซื้อวัคซีนที่ผลิตโดยผู้ผลิตในไทยเป็นอันดับแรกตามจำนวนที่ต้องการ และมีเงื่อนไขที่จะจำกัดการส่งออกได้ด้วย และเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ได้มีมติคณะรัฐมนตรีอุดหนุนวงเงินดังกล่าวนี้ เพื่ออุดหนุนบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์”

“ประชาชนจึงต้องร่วมกันตั้งคำถามว่า เหตุใดรัฐบาลไทยจึงไม่สามารถจำกัดสิทธิการส่งออกและขอใช้สิทธิในการซื้อวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ จากแอสตร้าเซนเนก้าประเทศไทยได้ก่อน ตามเงื่อนไขที่ได้อุดหนุนเงิน 600 ล้านบาทที่เป็นเงินแผ่นดินเเละเป็นเงินภาษีประชาชน”

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคก้าวไกลจะเปิดสัญญารับทุนอุดหนุนโครงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการผลิตวัคซีนโควิด-19 ให้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเท่าที่ได้อ่านในสัญญา เนื้อความไม่มีเงื่อนไขใดที่ระบุว่าวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และการส่งมอบต่อให้กับ แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย จะต้องส่งมอบให้กับรัฐบาลไทยหรือกระทรวงสาธารณสุขก่อน หรือต้องส่งมอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขแจ้งตามตัวเลขที่ได้รับสิทธิ์ในการสั่งซื้อเป็นอันดับแรกก่อน สัญญารับทุนอุดหนุนไม่มีข้อความนี้ อาจจะอยู่ในข้อความสัญญาที่ถมดำหรืออยู่ในส่วนใดก็ได้ แต่รัฐบาลจะต้องมีหน้าที่ชี้เเจงว่าข้อความนี้คือเงื่อนไขการจำกัดการส่งออกและเงื่อนไขในการสั่งซื้อเป็นอันดับเเรกตามความต้องการหรือไม่ ถ้าไม่มี อนุมัติอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาทให้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขอะไร

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ในสัญญารับทุนอุดหนุน ข้อ 8.6 ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้รับทุนยินยอมและอำนวยความสะดวกให้ผู้ให้ทุน หรือผู้ที่ให้ทุนมอบหมายเข้าไปในสถานที่ทำการของผู้รับทุนหรือสถานที่ดำเนินการโครงการได้ในเวลาอันควร เพื่อประโยชน์ในการติดตามเเละประเมินผลงานตามโครงการได้

ดังนั้น ภายใต้สัญญาอุดหนุน 600 ล้านบาท และความในข้อ 8.6 จึงคิดว่าท่ามกลางความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนของสยามไบโอโซเอนซ์ที่ส่งมอบได้ไม่ครบ 10 ล้านโดสต่อเดือนเช่นนี้ มีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอย่างไร มีปัญหาการผลิตหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ ข้อ 8.6 ตามสัญญารับทุน โดยให้คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เเละสื่อมวลชน เข้าไปติดตามตรวจสอบการผลิตในสถานที่ทำการการผลิตของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งจะเป็นความโปร่งใสที่รัฐบาลจะทำให้ประชาชนมีความสบายใจขึ้นมาได้