‘ก้าวไกล’ ซัดแผนวัคซีน “ผักชีโรยหน้า” หลังรพ.หลายแห่งเลื่อนฉีด จ่อคว่ำร่าง พรก.เงินกู้ 5 แสนล้าน

ไม่ยอมให้ตีเช็คเปล่า! ‘พิจารณ์’ เผย ‘ก้าวไกล’ จ่อคว่ำ ร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ชี้ สร้างหนี้ไม่สิ้นสุด พร้อมขอบคุณประชาชนให้ความสนใจอภิปราย งบ 65 ย้ำ เตรียมทำงานต่อในชั้น กมธ. เข้มข้น ด้าน ‘สุทธวรรณ’ ซัด แผนวัคซีน ‘ผักชีโรยหน้า’ พร้อมฉีดวันเดียวแต่วันถัดไปเลื่อนทั่วประเทศ เผยบาง รพ.ได้แอสตราฯแค่ 2 โดส จี้ เปิดข้อมูล อย่าเห็นชีวิตประชาชนเป็นของเล่น

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 พิจารณ์​ เชาวพัฒนวงศ์​ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ พร้อมด้วย สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรค แถลงข่าว​ท่าทีและจุดยืนต่อการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน​บาท ที่มีการบรรจุวาระเข้าที่ประชุมสภาฯในวันที่ 9 ​มิ.ย. 64 นี้​
.
พิจารณ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ ติดตามการทำงานตรวจสอบเเละอภิปรายการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในวาระที่ 1 ที่ผ่านมาของ ส.ส. พรรคก้าวไกล จากการประเมินจากสถิติไม่ว่าทั้ง Social Media และยอดการขายของที่ระลึกของพรรคพบว่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนในการทำงานของพวกเรา ขอให้คำยืนยันอีกครั้งว่าพรรคก้าวไกลจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเปราะบาง กลุ่มคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคม ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้
.
“ในส่วนของการลงมติร่าง พ.ร.บ. งบ 65 ที่ผ่านไป ต้องเรียนว่า ผิดหวังกับผลการมติที่ออกมา แต่ไม่ได้เหนือความคาดหมาย แม้เราจะได้ยินการอภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วยมากมายของพรรคร่วมรัฐบาล การแสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้รับการให้เกียรติหรือความร่วมไม้ร่วมมือในการทำงาน แต่สุดท้าย การลงมติก็เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าสิ่งที่ประชาชนได้รับจากการประชุม 3 วัน 3 คืน ที่ผ่านไป คือ การได้เห็นว่า สิ่งที่พรรคฝ่ายรัฐบาลได้หาเสียงเอาไว้ ซึ่งถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 2 ปีงบประมาณ กำลังจะเข้าสู่ปีงบประมาณที่ 3 ในตุลาคม 64 นี้ ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำเป็นจำนวนมาก”

พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า โดยเฉพาะการอภิปรายของ วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จากสัดส่วนแรงงาน ต้องบอกว่าเป็นการอภิปรายที่ทรงพลังและสื่อสารเพื่อผู้ใช้แรงงานรวมถึงคนตัวเล็กตัวน้อยของสังคมไทยจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ พรรคพลังประชารัฐ หาเสียงเอาไว้ว่าจะจ่ายที่เดือนละ 1,000 บาท เงินเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่เคยได้ยินช่วงหาเสียงไม่ว่าจะเป็น ‘โครงการมารดาประชารัฐ’ หรือ ‘โครงการเกิดปั๊บรับแสน’ โดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินถ้วนหน้า แต่จนบัดนี้ก็ยังจัดสรรงบประมาณให้ไม่ถ้วนหน้าเสียที การจัดสรรงบประมาณคือการสะท้อนเจตจำนง สะท้อนแผนงานปี 65 ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องใดก่อนหลัง ซึ่งคงเห็นกันแล้วว่าเขาเลือกสวัสดิภาพความมั่นคงในชีวิตประชาชน หรือความมั่นคงทางการทหารกันแน่
.
ในส่วนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการงบประมาณฯ พรรคก้าวไกล มีตัวแทนนำโดยหัวหน้าพรรค พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งจะดูแลในภาพรวมของการพิจารณางบประมาณ ศิริกัญญา ตันสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการคลังและการจัดทำงบประมาณ ,วรรณวิภา ไม้สน ตัวแทนพรรคก้าวไกลปีกแรงงานที่จะมาต่อสู้เพื่องบสวัสดิการต่างๆ ของประชาชนและพี่น้องแรงงานที่ถูกตัดไป ,วรรณวรี ตะล่อมสิน ตัวแทนจาก ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่จะมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs , ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิตอล , วาโย อัศวรุ่งเรือง ตัวแทนจากวงการแพทย์ที่จะมาร่วมพิจารณางบประมาณด้านสาธารณสุขที่ถูกตัดไประหว่างประเทศอยู่ในวิกฤติโควิด
.
“คณะกรรมาธิการในส่วนของพรรคก้าวไกลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณฉบับนี้ใหม่ เราจะกางงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองออกมาเพื่อรีดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการใช้จ่ายงบประมาณ ราคาที่ใช้ในการจัดซื้อ ใบเสนอราคาต่างๆ ความซ้ำซ้อนของโครงการ ความสามารถในการเบิกจ่าย การใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ และที่สำคัญคือ โครงการใดที่ไม่มีความเหมาะสมในช่วงเวลานี้ต้องถูกตัดออก โดยเราจะพยายามให้การตัดงบประมาณในปีนี้เป็นไปตามรายโครงการมากกว่าตัดเป็นเปอร์เซ็นต์ แล้วให้หน่วยรับงบประมาณไปเลือกตัดเงินจากโครงการด้วยตัวเอง เพราะในปีงบประมาณก่อนที่ใช้การตัดเปอร์เซ็นตกลับกลายเป็นปัญหาว่า หน่วยงานรับงบกลับไปตัดในโครงการที่เป็นประโยชน์ออกแทนนำไปสู่ผลกระทบต่อประชาชน “

สำหรับประเด็นต่อมา พิจารณ์ กล่าวถึงความพร้อมในการพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยพรรคก้าวไกลเห็นว่า จากการบริหารจัดการเงินกู้ 1ล้านล้านบาท ที่ผ่านมามีความล้มเหลวอย่างมาก ทั้งในส่วนงบประมาณด้านสาธารณสุข ที่เบิกจ่ายได้ล่าช้า งบด้านการฟื้นฟูประเทศที่ไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานและพยุง GDP ได้ได้ ผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย โดยเฉพาะในกลุ่มท่องเที่ยวต้องปิดตัวลงมากมายโดยที่ไม่ได้รับการเยียวยา
.
“การอนุมัติกู้เงิน 5 แสนล้าน ในครั้งนี้ จะเป็นเพียงแค่การให้โอกาสและต่ออายุรัฐบาลนี้ออกไปเท่านั้น
เราไม่สามารถที่จะยอมตีเช็คเปล่าให้ พลเอกประยุทธ์ อีก 5 แสนล้านได้อีกแล้ว หากรัฐบาลนี้จะยังคงบริหารต่อไป เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ในงบประมาณปี 66 รัฐบาลก็ยังจะต้องออก พ.ร.ก.เพื่อขอกู้เงินอีกแน่นอน ภาระก็จะตกกับพี่น้องประชาชนต่อไป สำหรับการพิจารณา พ.ร.ก. 5 แสนล้านฉบับนี้ ทางพรรคได้เตรียมผู้อภิปรายไว้ทั้งสิ้น 11 คน ภายในกรอบเวลาที่พรรคได้รับ 125 นาที จะเปิดการอภิปรายโดย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกลและ ส.ส.ขวัญใจของพี่น้องชาวบ้านขุนเทียน และจะปิดท้ายด้วยหัวหน้าพรรคเป็นผู้สรุปภาพรวม ขอให้พี่น้องสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนติดตามการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล ในวันพุธที่ 9 มิถุนายนนี้อย่างใกล้ชิด” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

ขณะที่ สุทธวรรณ แถลงถึงการบริหารวัคซีนของรัฐบาลที่ล้มเหลวว่า ส่งผลให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ทั่วประเทศ ต้องส่งข้อความเลื่อนนัดการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน เนื่องจากไม่มีวัคซีนสำหรับฉีดให้ประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านั้นกระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันว่า ทุกจังหวัดจะมีวัคซีนโควิด-19 ฉีดพร้อมกันทุกพื้นที่ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 อย่างแน่นอนตามแผน
.
“ขอยืนยันว่าดิฉันได้รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครปฐมและประชาชนในอีกหลายๆจังหวัด ว่า การฉีดวัคซีนของพวกเขาที่ได้นัดไว้ในวันที่ 8 มิถุนา 9 มิถุนา 10 มิถุนา และวันอื่นๆหลังจากนั้น ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะโรงพยาบาลได้รับการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca มาอย่างจำกัด ทำให้สามารถฉีดได้แค่วันที่ 7 มิถุนายน เพียงวันเดียว ในฐานะที่เป็น ส.ส.นครปฐม จึงขอกล่าวถึงการบริหารจัดการวัคซีนในจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตแรกจำนวน 12,020 โดส โดยแบ่งเป็น AstraZeneca 7,500 โดส และ Sinovac 4,520 โดส
.
“เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลพุทธมณฑล โรงพยาบาลบางเลน โรงพยาบาลดอนตูม โรงพยาบาลสามพราน โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ออกไปไม่มีกำหนด เพราะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับการฉีดแค่วันเดียว โรงพยาบาลนครปฐม โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ โรงพยาบาลนครชัยศรี โรงพยาบาลกำแพงแสน ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน ออกไปไม่มีกำหนด มีวัคซีนสำหรับฉีดแค่ 2 วัน สำหรับผู้ที่จองไว้ในวันที่ 7 และ 8 และโรงพยาบาลที่เหลือในนครปฐมก็เลื่อนแทบทั้งสิ้น เช่น โรงพยาบาลห้วยพลู โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนนครปฐม โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ โรงพยาบาลเทพากร โดยสองโรงพยาบาลล่าสุดที่พูดถึงได้ AstraZeneca มาแค่ขวดสองขวดเท่านั้น โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ มี Astra 10 โดส โรงพยาบาลเทพากรมี Astra 20 โดส”
.
สุทธวรรณ ระบุว่า เมื่อลองไปตรวจสอบเทียบกับในจังหวัดอื่น ก็ประสบปัญหาแบบเดียวกันหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา โรงพยาบาลวัฒนาอุดรธานี โรงพยาบาลสระบุรี ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนมาไม่เพียงพอ ฉีดได้แค่วันเดียวจนต้องเลื่อนการนัดหมายออกไป

“นี่เป็นตัวอย่างเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ยังมีอีกหลายที่ที่ประสบปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอ แต่ก็มีบางแห่งที่ตอนแรกเลื่อนนัดฉีดวัคซีนไปแล้ว โดยแจ้งว่าราชการเลื่อนการส่งวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่พอวันถัดมาก็ประกาศใหม่ว่า สามารถฉีดได้ตามกำหนดเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ท่านเปิดให้ประชาชนทุกจังหวัดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โดยเลือกวันที่ต้องการ ตอนจองก็จองยากลำบาก แต่พอจองได้แล้ว เมื่อใกล้ๆถึงเวลาฉีด กลับถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ประชาชนจองวัคซีนผ่านหมอพร้อมตามที่รัฐบาลบอกทุกอย่าง แต่หลายๆแห่งก็ไม่ได้รับวัคซีน ท่านคิดหรือไม่ว่าประชาชนจะรู้สึกยังไง เขาที่รอการฉีดวัคซีนอย่างมีความหวัง แต่ก็ยังถูกปล่อยให้รอต่อไปเรื่อยๆ”
.
สุทธวรรณ กล่าวอีกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน ภายหลังการรับมอบ AstraZeneca โดยยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการเลื่อนฉีดวัคซีนและไม่เคยคิดที่จะเลื่อน แต่สิ่งนายอนุทินไม่ได้บอกก็คือ หลังวันที่ 7 มิ.ย. หลายแห่งวัคซีนจะไม่พอ เป็นเรื่องจริงที่สามารถ kick off วันที่ 7 มิ.ย. ตามกำหนดเดิมได้ แต่ก็ฉีดได้แค่วันสองวันเท่านั้น ผู้สูงอายุและประชาชนที่มีโรคประจำตัวอีกเป็นจำนวนมากก็ต้องรอไปอีก เป็นการทำงานแบบผักชีโรยหน้า เล่นใหญ่แต่ไม่มีความชัดเจน
.
“สรุปแล้ววัคซีนที่มาเป็นวัคซีนป้องกันโควิดหรือวัคซีนป้องกันคนด่า จะมาฉีดวัคซีนเอาฤกษ์เอาชัยตามกำหนดเดิมแล้วหยุดฉีดไม่ได้ เพราะประชาชนคาดหวังว่าหลังวันที่ 7 มิ.ย. จะได้ฉีดวัคซีนต่อเนื่องไปทุกวัน ไม่ใช่วันเดียวตามที่หลายโรงพยาบาลประกาศออกมาแบบนี้ และกรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังออกมาบอกว่า ขอให้ทุกโรงพยาบาลทำตามมติของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่มีการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนแผนการฉีดใดๆ หากจังหวัดหรือโรงพยาบาลใด ยังมีการยกเลิกหรือแจ้งเลื่อน ขอให้จังหวัดหรือโรงพยาบาลนั้นๆ รวมทั้งกรรมการควบคุมโรคติดต่อประจำจังหวัด เป็นผู้ตอบคำถามและชี้แจงเหตุผลดังกล่าวด้วย การสั่งแบบนี้ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบ
.
“รัฐบาลต้องพูดความจริงว่าตอนนี้มีปัญหาอะไร ติดขัดที่ตรงไหน ที่บอกว่าจะทยอยจัดส่งวัคซีนทุกสัปดาห์ แปลว่าต้องมีวัคซีนที่เพียงพอที่จะให้บริการประชาชน 7 วัน ไม่ใช่ฉีด 1 วัน แล้วหยุดไป 6 วัน ไม่อย่างนั้นแล้วตอนเปิดให้ลงทะเบียนจะให้คนมาจองได้ทุกวันทำไม หลอกให้พวกเขามีความหวังทำไม ประชาชนเลือกวันลงทะเบียนและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ในช่องทางที่รัฐจัดให้ หากท่านรู้ว่าวัคซีนไม่พอตั้งแต่แรก ทำไมยังประกาศว่าพร้อมฉีด ไม่เลื่อนแน่นอน ตอนที่ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันหมอพร้อม ส่วนตัวเชื่อว่าหมอพร้อมแน่ บุคคลากรทางการแพทย์พร้อมปฏิบัติ แต่คนที่ไม่พร้อมคือรัฐบาลเอง ดิฉันเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างยิ่ง ที่เจ้ากระทรวงเปลี่ยนนโยบายรายวันเช่นนี้” สุทธวรรณ กล่าว พร้อมจี้ว่า จากนี้ไปรัฐบาลจะต้องเปิดเผยแผนการกระจายวัคซีนทั้งซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชนรับรู้ด้วย ไม่ใช่ให้ประชาชนรอหรือจะเลื่อนอย่างไม่มีเหตุผลยังไงก็ได้ อย่าเห็นชีวิตของประชาชนเป็นของเล่น แผนการกระจายวัคซีนไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ก็ต้องยอมรับมาตรงๆ