ส.ส.เพื่อไทย อัดโครงการช่วยประชาชนล้มเหลว ไม่ทั่วถึง พ้อเสนออะไรรัฐไม่เคยฟัง

‘ชูวิทย์’ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ชี้โครงการรัฐช่วยประชาชนช่วงโควิด-19 ล้มเหลว ไม่ทั่วถึง ท้อใจ กมธ.เสนออะไรรัฐไม่เคยฟัง

วันที่ 5 พ.ค. 2564 นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยใช้เงินที่เหลือจาก พ.ร.ก.กู้เงิน

โดยระบุว่า การนำเงินกู้ จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท มาช่วยเหลือประชาชนขอให้ทำให้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมาในการตรวจสอบ และติดตามของกมธ.ฯ พบว่า การใช้เงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ประสบความสำเร็จ เช่น เงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ในรายการเงินกู้ซอฟท์โลน พบว่าธนาคารปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบธุรกิจที่มีความเข้มแข็ง แต่ผู้ประกอบธุรกิจที่มีปัญหา และได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล เช่น การสั่งปิด กลับเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือดังกล่าว

“ที่ผ่านมากมธ.ฯ เคยเสนอปัญหาให้รัฐบาล แต่ไม่พบการแก้ไข ตอนนี้ กมธ.ฯ เริ่มท้อ เพราะเสนออะไร รัฐบาลไม่ตอบรับ ปัญหาก็แก้ไม่ได้ ไม่มีอะไรคืบหน้า การประชุมแต่ละครั้งเหมือนมานั่งฟังกันบ่น เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็ไม่มา แต่การทำงานของกมธ.ฯ ยังเดินหน้าต่อไป จนกว่าเม็ดเงินจากการกู้จะหมด”

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่เตรียมเปิดเฟส 3 ตนมองว่าเป็นโครงการแจกเงินที่ถูกประชาชนด่ามากที่สุด สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ ไม่แบ่งกลุ่ม หากจะช่วยต้องช่วยทุกคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่หากแบ่งแยกคนที่ได้รับสิทธิ์ ตนเชื่อว่าโครงการจะไม่สำเร็จ และกรณีจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการ ตนเชื่อว่ามีเฉพาะกลุ่มนายทุนที่ได้ประโยชน์

“ส่วนการปล่อยเงินกู้ให้กลุ่มเอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดนั้น มองว่าควรปล่อยเงินกู้ให้เพื่อผู้ประกอบการซ่อมแซม ปรับปรุงร้าน โดยเฉพาะบาร์เบียร์ ที่พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประเทศ ควรปล่อยกู้ให้รายละ 20,000 บาท เพื่อซ่อมแซมร้าน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนช่างรับเหมาในพื้นที่ให้มีงานทำด้วย”

นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอให้เลื่อนการประชุมสภาฯ หลังจากมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เปิดสมัยประชุม ปลายเดือนพ.ค.นี้ ว่า หากมีวาระสำคัญสภาฯ ต้องเดินหน้าประชุมเพื่อพิจารณา ส่วนส.ส.ที่กังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ตนเชื่อว่า ส.ส.ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจะมีภูมิคุ้มกันโรค ส่วนส.ส.ที่รู้ตัวว่าป่วยขอให้งดการร่วมประชุม ส่วนใครที่ไม่ป่วยต้องมาประชุมได้