หลายกลุ่มเคลื่อนไหว ยื่นจม.ร้อง ‘3 สถานทูต’ วอนเข้าเยี่ยม 7 ราษฎร ในเรือนจำ ให้เห็นกับตา

ยื่นจดหมาย ‘3 สถานทูต’ วอนเข้าเยี่ยม 7 ราษฎร ในเรือนจำ ให้เห็นกับตา – ‘มายด์’ พ้อ หวังพึ่งรัฐไทยไม่ได้ ขอ ต่างชาติช่วย ‘ขยายความจริง’

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 เมษายน ที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตัวแทน กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย, ศิลปะปลดแอก, เยาวชนปลดแอก, ราษฎร, Root, และ We Volunteer (วีโว่), กลุ่มรังสิต และ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมายื่นหนังสือ เรียกร้องให้สถานทูตสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาที่ถูกจองจำทั้ง 7 คนในเรือนจำ โดยเฉพาะ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ซึ่งกำลังอดอาหารมาเป็นเวลา 45 และ 30 วันตามลำดับ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้ง 2 คนได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างเหมาะสม

นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ กลุ่ม Root, นายสิรภพ อัตโตหิ หรือแรปเตอร์, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก และ นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย โดยมีการชูป้ายข้อความ ระบุว่า “สิทธิประกันตัว เป็นของประชาชน” “I’ve lost faith in this broken system”

นายสิรภพกล่าวว่า วันนี้เราเดินทางมายื่นหนังสือ 3 สถานทูต โดยเริ่มสถานทูตอเมริกา และเราจะไป สถานทูตเยอรมนี และสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ต่อไป จดหมายเป็นภาษาอังกฤษ มีเนื้อความว่า ต้องการให้ทางสถานทูต ได้ติดตามปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกคุมขังทางการเมือง ณ เวลานี้ โดยเนื้อความของหนังสือ ได้แจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงสภาพร่างกายของเพนกวิน และรุ้ง ปนัสยา และ เพนกวิน พริษฐ์ ที่อดอาหารเป็นวันที่ 45 รุ้ง ครบ 1 เดือนแล้ว สภาพร่างกายตอนนี้ ย่ำแย่ จึงอยากให้ติดตามสถานการณ์ในเรือนจำตอนนี้ และกฎหมายทางการเมืองต่างๆ

“เราต้องการให้ท่านทูตไปเยี่ยมเพื่อนของเราที่อยู่ในเรื่อนจำ เพื่อที่จะได้ทราบสถานการณ์ที่เป็นความจริง ด้วยสายตาของท่านเอง นอกจากนี้ เรายังอยากให้ทางสถานทูตไปสังเกตการณ์กิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” ที่หน้าศาลฎีกา และของคณะราษมัม กลุ่มแม่ของผู้ที่ถูกคุมขัง ด้วย

ความจริงแล้ว นักโทษทางการเมืองตอนนี้พึงได้รับสิทธิประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐาน โดยเฉพาะเพื่อนเราที่ถูกคุมขังมานาน ทั้งที่ยังไม่ได้รับการพิพากษาว่าผิด โดยที่ใช้ข้ออ้างว่าอาจจะไปกระทำผิดซ้ำ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง แปลว่าตัดสินล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่ ว่าสิ่งที่เพื่อนเรากระทำ เป็นสิ่งที่ผิด

ด้วยสภาวะทางร่างกาย ที่เพนกวิน และรุ้ง ที่อดอาหารเป็นเวลาเกินกว่า 1 เดือน นานกว่า มหาตมะ คานธี แล้วด้วยซ้ำ ร่างกายเพนกวินตอนนี้อยู่ในสภาวะวิกฤต เราไม่สามารถรอให้เพื่อนของเราเป็นอะไรไปก่อนได้ จนเราไม่แน่ใจว่า เป็นการพยายามจะฆ่าเพื่อนเราให้ตายในคุกหรือไม่ เราทนรอไม่ได้ ด้วยสภาวะที่เกิดขึ้นตอนนี้ ความไม่ยุติธรรม สภาวะร่างกาย และสถานการ์โควิดในเรือนจำ จึงสมควรที่เพื่อนจะได้รับการประกันตัวออกมา 1.รักษาร่างกาย 2.คืนอิสรภาพให้เขา” นายสิรภพกล่าว

ด้าน น.ส.ภัสราวลีกล่าวว่า เบื้องต้นเราเชื่อว่า ทั้ง 3 ประเทศนี้ เห็นแก่เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก เรารู้สึกว่า ณ ตอนนี้ไม่สามารถพึ่งรัฐไทยได้ และรัฐไทยเอง เท่าที่เห็น ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำ และกับประชาชนที่ถูกจับไปเพราะคดีทางการเมือง ฉะนั้น เราอยากจะขยายความจริงตรงนี้ ให้ทั่วโลกได้รับรู้ และตัวแทนของแต่ละประเทศ ได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง

“ในเบื้องต้น เราคาดหวังให้ทั้ง 3 ประเทศ ช่วยกันจับตาดู อย่างใกล้ชิดกับคดีการเมืองที่เกิดขึ้นในไทยตอนนี้ ด้วยสถานการณ์โควิดและอีกหลายอย่าง และด้วยการที่รัฐบาลไทยยังทำให้เรื่องนี้ดูเงียบๆ ไปด้วย จึงอยากขยายเรื่องนี้ให้ยังดังอยู่ตลอดเวลา เพราะเพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำ ยังไม่ได้รับความยุติธรรม” น.ส.ภัสราวลีกล่าว

เมื่อถามว่า มีความกังวลในคดีความส่วนตัว ว่าอาจไม่ได้รับการประกันตัวเช่นเดียวกัน หรือไม่

น.ส.ภัสราวลี เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไรที่อาจจะมีสิทธิถูกขังเหมือนกับเพื่อนๆ แต่หากถูกขังก็เป็นสิงที่คอยตอกย้ำว่า ในประเทศเราเหลือความยุติธรรมอยู่แค่ไหน และยิ่งตอกย้ำให้ต่างชาติ ให้โลกได้รู้ว่า รัฐไทยได้บังคับใช้กฎหมายด้วยการปิดกั้นสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ในการแสดงออกทางการเมือง

“ยืนยันว่า สิ่งที่ทุกคนออกมาพูด และแสดงออก เป็นสิ่งที่ทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย และไม่ควรมีใครถูกขัง เพราะว่าพวกเขาคิดต่างจากรัฐส่วนตัวได้ติดตามอาการเพื่อนอยู่ และเป็นห่วงเพื่อนมากๆ จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจของสังคม และอยากให้หลายๆ คน ได้รับรู้ถึงความเป็นจริงด้วยว่า ณ วันนี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงมายื่นหนังสือ 3 สถานทูต เพราะอยากให้เห็นกับตาจริงๆ” น.ส.ภัสราวลีกล่าว

โดย ตัวแทน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้รับหนังสือ

นายสิรภพกล่าวว่า เราต้องการให้เพื่อนของเราออกมารักษาตัว โดยพาะสถานการณ์โควิดที่ระบาดในเรือนจำหนักมาก เราเชื่อว่า นี่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนเรายังไม่ได้รับการตัดสินโทษ จึงต้องอยากให้เพื่อนได้รับสิทธิประกันตัว และออกมาต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม