“เนติวิทย์” ขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลังได้รับเลือกเป็น นายก อบจ.แบบถล่มทลาย

วันที่ 1 เมษายน 2564 เนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล อดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท อดีตประธานสภานิสิตจุฬาฯ นายกสโมสรนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ ได้กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังทราบผลการเลือกตั้งองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ว่า

ผมขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ผมและพรรคเข้ามาบริหารองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) ในภาคการศึกษาหน้า

ปีนี้นิสิตจุฬาฯ ออกมาใช้สิทธิ 14,691 คน สูงที่สุดในรอบ 10 ปี

ส่วนตัวผมก็ได้คะแนนอย่างไม่คาดคิด กล่าวคือ 10324 เสียง ซึ่งคิดเป็นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้มาใช้สิทธิ

ที่เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะตัวผมมีดีอะไร(แม้อาจจะมีคนเชื่อแบบนั้นก็ตาม) แต่นิสิตคงเล็งเห็นแล้วว่า ตลอดหลายปีมานี้ สังคมของเราเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ และมหาวิทยาลัยก็เป็นส่วนหนึ่งในการค้ำยันให้สังคมเผด็จการยังดำเนินต่อไปได้ มหาวิทยาลัยไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของนิสิต บุคลากร ชุมชน และสังคม

ดังนั้น ด้วยโอกาสนี้ นิสิตจึงต้องการให้มหาวิทยาลัยดำเนินแนวทางไปในทางที่เป็นประโยชน์แก่ตัวนิสิตและสังคมมากขึ้น ละเลิกการแสวงหากำไรที่มุ่งเน้นแต่การพัฒนาพื้นที่ ทำลายชุมชนรอบรั้วของเรา โดยเฉพาะชุมชนสามย่าน หยุดทำลายมรดกทางวัฒนธรรมอย่างศาลเจ้าแม่ทับทิมที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ให้ศาลเจ้ากับคอนโดมิเนียมใหม่อยู่ร่วมกันได้ และเป็นส่วนหนึ่งอย่างแท้จริงในการสร้างประชาธิปไตยในสังคม

เสียงที่สะท้อนผ่านพรรคของเราซึ่งมีนโยบายในการพัฒนาสังคมและเน้นความหลากหลายแตกต่าง ก็แสดงให้เห็นว่าความแตกต่างหลากหลายกำลังถูกคุกคามมากแค่ไหน การจับกุมคุมขังคนคิดเห็นแตกต่างนั้นกำลังจะแบ่งแยกสังคมออกเป็นเสี่ยงๆ

โดยเฉพาะมาตรา 112 กำลังกัดกร่อนความไว้วางใจของคนรุ่นใหม่กับสังคมที่พวกเขาอยู่

เพนกวิน รุ้ง ป้าอัญชัญ และคนอื่นๆที่โดนคดีมาตรา 112 และคดีทางการเมืองอื่นควรได้รับการประกันตัว

สังคมควรจะอยู่ร่วมกันได้บนพื้นฐานของเหตุผล ความจริง และความเคารพ ที่ปราศจากความกลัว การครอบงำ

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องท้าทาย

ผมและสมาชิกพรรคทุกคนรู้สึกหนักอึ้งไม่น้อยต่อความคาดหวังที่มีให้กับพวกเรา แต่ก็มีความตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้มีโอกาสผลักดันสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น โดยจะพยายามอย่างเต็มที่ในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ (ขณะนี้ ผมยังเป็นนายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์จนถึงพฤษภาคมนี้)

ผมขอขอบคุณนิสิตทั้งหลายที่โหวตผมและเพื่อนๆ ใครไม่โหวตพวกเรา ก็ต้องขอบคุณเช่นกัน การมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยในจุฬาฯ ผมขอบคุณเพื่อนๆนิสิตจากหลายคณะที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังช่วยทำภาพประชาสัมพันธ์ คลิปวิดีโอ และให้คำแนะนำต่างๆ ขอบคุณเพื่อนนิสิตที่เรียนจบไปแล้วแต่ก็เป็นห่วงใย โดยเฉพาะเหล่าผู้ถูกจุฬาฯกลั่นแกล้งตัดคะแนนในกรณีถวายสัตย์ฯเมื่อสามปีก่อนที่เชียร์เต็มที่ให้กับเพื่อนที่ไม่เรียนจบสักทีคนนี้ อาจารย์จากหลากหลายคณะและกัลยาณมิตรนอกแวดวงมหาวิทยาลัยที่เมื่อขอคำแนะนำปรึกษาก็ยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ผมยังรู้สึกดีใจมากด้วยที่ “บ้าน” คือ “คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ” นิสิตออกมาใช้สิทธิสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในรอบหลายสิบปี การที่มีกำลังใจจากที่นี่ เป็นสิ่งสำคัญมาก

การทำงานคงไม่ง่ายและคงจะเหน็ดเหนื่อยเอาการ

ผมหวังว่าจะได้รับคำแนะนำตักเตือนฉันมิตร และคำชี้แนะจากนิสิต บุคลากร และภาคส่วนต่างๆของสังคม ในสิ่งต่างๆที่พวกเราจะทำ ผมหวังว่าจะได้รับฟังนิสิต บุคลากร และท่านอื่นๆ มากยิ่งขึ้น

กระนั้นในที่สุดแล้ว งานนี้ไม่ใช่งานของกลุ่มคนไม่กี่คน ถ้าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน พวกเราหวังเป็นอย่างที่สุดว่า นิสิตจะมาร่วมผลักดันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็น “จุฬาของทุกคน” อย่างแท้จริง