รองนายกฯ มั่นใจปีนี้ เศรษฐกิจโต 4%แน่! แย้มปลายเดือนนี้มีเซอร์ไพรส์

‘สุพัฒนพงษ์’ ยันเศรษฐกิจปีนี้โต 4% ปลายมี.ค. มีเซอร์ไพรส์แน่ – จ่อชงงบปี’65 เข้าครม.อีก 2 สัปดาห์หน้า
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า มั่นใจเศรษฐกิจปี 2564 โต 4% เพราะมีสัญญาณบวกหลายด้าน โดยเฉพาะการบริโภคที่มีการปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ส่วนการลงทุนในปีนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีรายงานแนวโน้มการลงทุนในปี 2564 ดีขึ้นโดยมีการลงทุนที่สะสมจากปีก่อน

ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังปรับปรุงแนวทางและมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย ทั้งในส่วนของมาตการภาษี และการลดปัญหาอุปสรรคในการลงทุน ซึ่งเป็นในส่วนของเรื่องกฎหมายกฎระเบียบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Ease of doing business และได้เรียก ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ มาหารือ คาดว่าในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ จะมีความชัดเจน มีเซอร์ไพรส์ แน่นอนในเรื่องของแผนการดึงดูดการลงทุนที่ต้องทำในเชิงรุกเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ

ด้านนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณ กล่าวว่า รายละเอียดงบประมาณฯ ในปี 2565 จะเข้าสู่การพิจารณาของครม. ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าโดยกรอบวงเงินงบประมาณโดยรวมจะมีการปรับลดลงประมาณ 1.8 แสนล้านบาท จากปีงบประมาณ 2564 เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ในปีนี้ยังลดลงต่อเนื่อง ทำให้รายได้ลดลงไปประมาณ 3 แสนล้านบาท
โดยในการจัดทำงบฯ 2565 ให้ความสำคัญกับความจำเป็นและความสามารถในการเบิกจ่าย รายการใดที่สามารถชะลอออกไปได้คงต้องชะลอออกไปก่อน

ส่วนของงบลงทุนฯพยายามที่จะคงไว้ในส่วนใกล้เคียงกับปี 2564 ที่ประมาณ 6.2 แสนล้านบาทซึ่งเท่ากับสัดส่วน 20% ของงบประมาณในภาพรวม ขณะที่ส่วนที่จะไม่ปรับลดงบประมาณอีกส่วนคือกลุ่มเปราะบาง ประกันสังคม ประกันสุขภาพ เพื่อให้สังคมและเศรษฐกิจในภาพรวมได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถพยุงเศรษฐกิจไว้ได้ โดยการจัดเก็บรายได้ต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวถึงจะสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มซึ่งหากเศรษฐกิจดีขึ้นชัดเจนสามารถจัดงบประมาณกลางปีได้

“ในปี 2565 ไม่มีงบฯ กลางในส่วนของโควิด-19 โดยส่วนที่ตั้งงบประมาณไว้รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นอยู่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาทในส่วนของงบกลางฯปกติที่เตรียมไว้รองรับภัยธรรมชาติ และความจำเป็นในเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลอาจต้องมีภาระในการใช้จ่าย”