เดินทะลุฟ้า : ก้าวต่อวันที่ 7 ออกจากปากช่องเข้าสระบุรี “ไมค์” ลั่นทุกทำทางให้เพื่อนออกมาร่วมต่อสู้ด้วยกันอีก

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” คืนอำนาจประชาชน ของ กลุ่มราษฎร และ People Go Network ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบเดินเท้า จากจังหวัดนครราชสีมา ถึงกรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องให้ปล่อย 4 แกนนำ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

สำหรับการเดินในวันที่ 7 กำหนดระยะทาง รวม 16.4 กิโลเมตร จากโคราช มุ่งหน้าใกล้เข้าเขตสระบุรี
โดยเริ่มต้น จาก สถานีตำรวจทางหลวง 1

จุดพักที่ 1 โลตัสปากช่อง ระยะทาง 3.7 กม.

จุดพักที่ 2 ปั้มพีทีสาขาปากช่อง ระยะทาง 2 กม.

จุดพักที่ 3 กินข้าวเที่ยง ปั๊มบางจากกรีนเนท วชิรา ระยะทาง 3.2 กม.

จุดพักที่ 4 วัดปางแจ้ง ระยะทาง 3.5 กม.

โดยจะสิ้นสุดกิจกรรมวันที่ 7 ณ ลานจอดรถหน้าร้านแหนมเนือง ท่าลานทอง ระยะทาง 4 กม.

เวลาประมาณ 10.40 น. กลุ่ม People Go Network เปิดเผยถึงบรรยากาศว่า วันนี้มี นายถนอม ชาภักดี อาจารย์และนักวิจารณ์ศิลปะชื่อดัง และ กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก ร่วมขบวนด้วย ไปจนถึงประชาชน ร่วมสนับสนุนน้ำดื่ม และอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมระหว่างการเดินครั้งนี้

เวลา 11.33 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ พักเที่ยงที่ปั๊มบางจาก กรีนเนท วชิรา นะค้าบ #เดินทะลุฟ้า

ทั้งนี้ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง หนึ่งในแกนนำราษฎร ที่ถูกหมายเรียกคดี 112 เช่นเดียวกับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ก็ได้ร่วมเดินกับกิจกรรมเดินทะลุฟ้า เมื่อเช้าวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีกด้วย

โดย นายภาณุพงศ์ กล่าวถึงความคาดหวังต่อกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” ว่า เนื่องจากเพื่อนเรา 4 คนถูกขังเข้าไปในเรือนจำ สิ่งที่เรามาเดินวันนี้ เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการรณรงค์ปล่อยเพื่อนเรา เราอยากจะบอกว่าผู้ต้องหาไม่ว่าคนไหนก็ตาม ตามกฎหมายยังถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ การที่คุณเอาเขาไปกักขังไว้ระหว่างรอพิจารณาคดี ตนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เป็นการปิดปากทางการเมือง

นายภาณุพงศ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นมาตราไหนก็ตาม โดยเฉพาะมาตรา 112 เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำใครไปขังไว้ ในการมาเดินวันนี้คือการแสดงเจตจำนง เรียกร้องให้เพื่อนเราออกมาจากเรือนจำ เราอยากให้เพื่อนเราออกมาต่อสู้ข้างนอก ในการพิสูจน์คดี เราคิดว่าเพื่อนเรายังบริสุทธิ์ ไม่ได้ผิดอะไร ฉะนั้น ปล่อยเพื่อนเรา แล้วก็ยกเลิกมาตรา 112

“สำหรับเพื่อนข้างในคุก เราอยากจะบอกให้เขาสู้นะ เราจะทำทุกวิถีทางให้เขาออกมาอยู่ข้างนอก มาต่อสู้กันให้ได้ เราอยากจะบอกว่าประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่บ้าน ประชาธิปไตยอยู่ที่การเรียกร้อง ประชาธิปไตยอยู่ที่การที่พวกเราออกมากดดันในหน่วยงานรัฐ ในหน่วยงานเอกชน ในเผด็จการต่างๆ ที่กำลังก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาในตอนนี้ ทำให้มันกัดกร่อน กินประเทศเราไป กินประชาธิปไตยเราไป

“เราอยากจะขอความช่วยเหลือ คิดว่ามันเป็นความช่วยเหลือจากทุกๆ คน ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย ต่อสู้ครั้งนี้ร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะสะดวกในวิธีไหนก็ตาม อยากจะให้ทุกท่านเป็นกระบอกเสียงให้กับความเป็นประชาธิปไตย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นผลสำเร็จกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้เป็นผลสำเร็จกับราษฎรอย่างเดียว แต่สิ่งต่างๆ ที่พวกเราเรียกร้องกันอยู่ มันเป็นผลสำเร็จสำหรับพวกคุณทุกคน รวมถึงลูกหลานคุณในวันข้างหน้า

“การที่เราต่อสู้ เราไม่รู้หรอกว่าจะจบกี่ปี แต่เราก็ยังมีหวังที่จะชนะ ถึงแม้ว่าจะจบอีก 10 ปี หรือ 20 ปี วันนี้ถ้าเราสู้ มันอาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้าวันนี้เราไม่สู้ มันจะชนะหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ อยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้ มาเป็นกำลังใจให้กัน เห็นต่างได้ เราไม่ว่า แต่ขอให้ทุกคนอยู่บนจุดยืนเดียวกัน เพราะทุกคนต่างก็คาดหวังให้ประเทศนี้ดีขึ้น เราทุกคนอยากเห็นประเทศนี้สวยงาม อยากเห็นประชาธิปไตยที่เบ่งบาน อยากเห็นประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพจริงๆ” นายภาณุพงศ์กล่าว