ส่องทัวร์ที่ลง “เอนก” หลังฝันส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ : เชิญลงจากยานก่อน หันมาดูชีวิตจริง , เพ้อเจ้อ และ ระวังชนกะลา

กลายเป็นเรื่องที่ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลังเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ออกมาระบุว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ 5 ในทวีปเอเชีย ที่จะส่งยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายในระยะเวลา 7 ปี

สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมการเมือง แสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัว อ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ถือเป็นคนน่ารักมากคนหนึ่ง แต่เรื่องจะส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์นั้น นี่เป็นเรื่องเพ้อเจ้อในระดับที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ตอนที่อเมริกาส่งยานอโพโล 11 แล้วส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นปีเดียวกับที่ผมเกิด แรงขับดันนี้เกิดขึ้นเพราะการแข่งขันทางการทหารระหว่างอเมริกาและสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกล นี่คือยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ประลองอำนาจกันเพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก

เคยมีการคำนวนว่า NASA ใช้งบไปเท่าไหร่สำหรับการส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์ ถ้าตีเป็นเงินปัจจุบันคือใช้เงินไปประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท ก็พอๆกับงบประมาณแผ่นดินของประเทศไทยนั่นแหละ

แน่นอนว่าความพยายามด้านอวกาศทำให้เกิดการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์จำนวนมาก เป็นหนึ่งในปัจจัยด้านการพัฒนาประเทศเหมือนกับที่หลายๆ ประเทศจัดกีฬาโอลิมปิกและทำให้เกิดความรู้ด้านการก่อสร้างและการบริหารจัดการงานระดับโลก เป็นทุนทางสติปัญญาของประเทศนั้นๆ

ผมไม่แน่ใจว่าไอเดียเรื่องการส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ของ อ.เอนก เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเป็นการแต่ถ้าจะทำจริง คำถามคือ เรามีวิทยาการหรือศักยภาพอะไรที่พอจะทำสิ่งนี้ได้บ้าง เพราะแม้แต่การส่งดาวเทียมของไทยยังต้องไปจ้างประเทศอื่นยิงจรวดขึ้นไปเลย ที่ก้าวหน้าของไทยก็มีแต่บั้งไฟพญานาค แต่ไม่ใช่จรวดขับดันเพื่องานอวกาศ

ที่ไม่เข้าใจที่สุดคือ ไทยมีความจำเป็นหรือแรงบันดาลใจอะไรในการดำเนินการโครงการนี้ครับ

“เยาวลักษณ์” คณะก้าวหน้า จวก “เอนก” จี้เปลี่ยนมายด์เซ็ทตัวเองก่อน แนะลงจากยานดูชีวิตคนไทยที่แท้จริง

ด้าน น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนี้ว่า ก่อนเปลี่ยนมายด์เซ็ตคนไทย ขอท่านรัฐมนตรีเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเองก่อนดีกว่า ถ้าความคิดรากเหง้าของคุณคือการลบปมประเทศด้อยพัฒนา ด้วยการทุ่มเทงบประมาณ สรรพกำลังทุกอย่างไปกับการสร้างยานอวกาศทะยานสู่ดวงจันทร์ จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมประกาศว่า “นี่ไง นี่ไง ชั้นไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาแล้วนะเฟ้ย ชั้นเป็นประเทศมหาอำนาจแล้ว”

น.ส.เยาวลักษณ์ ระบุอีกว่า เชิญลงจากยานก่อน แล้วเดินไปตามตรอกซอกซอยถนน ไปดูว่าคนไทยอีกกว่า 60 ล้านคนส่วนใหญ่อยู่กันยังไง คนทำงานหาเช้ากินค่ำที่ต้องส่งลูกหลานเรียนหนังสือ หาเงินซื้อชุดเครื่องแบบนักเรียนและค่าขนมให้ลูก นักศึกษาที่ต้องกู้ กยศ. จบออกมาพร้อมหนี้ก้อนโต คนชั้นกลางที่ต้องใช้เงินเดือนกว่า 1 ใน 3 หรือมากกว่านั้นในการผ่อนรถยนต์ส่วนตัว แทนการใช้ขนส่งสาธารณะที่ไม่สะดวก ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่โลกเข้าสู่ยุค 5จี 6จี แล้ว ยังมีนักธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก ธุรกิจสตาร์ดอัพที่ตั้งใจสร้างสินค้านวัตกรรมและบริการสมัยใหม่ แต่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนการวิจัยจริงๆ เขียนว่าทำได้ สนับสนุนทุกอย่าง แต่เอาเข้าจริงคือแทบไม่มีใครได้

น.ส.เยาวลักษณ์ ระบุต่อว่า ลองเดินไปดูตามต่างจังหวัดเกษตรกร ชาวไร่ชาวสวน ที่มีความสามารถแต่ยังขาดการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากรัฐ ตั้งแต่เรื่องดิน พันธุ์พืช การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว เรื่อยไปจนถึงเทคโนโลยีภายหลังการเก็บเกี่ยว การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ล้วนต้องอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งสิ้น ภาคอุตสาหกรรมและบริการอีก คุณลงไปดูหรือยัง ว่าต้องการรับการสนับสนุนอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่ใช่แค่การอบรมให้ความรู้ และจัดสัมมนาพร้อมเบรคสองมื้อ

“ก่อนสร้างฐานยานอวกาศในชื่อประเทศไทย ขอช่วยกลับมาสู่โลกความเป็นจริงก่อนค่ะ โลกที่ประชาชนคือผู้เสียภาษีให้รัฐ ดังนั้นผลประโยชน์ทุกบากทุกสตางค์ต้องกลับคืนสู่ประชาชน ไม่ใช่เพียงเพื่อสนองอัตตาของคนมีอำนาจไม่กี่คนเท่านั้น” น.ส.เยาวลักษณ์ ระบุย้ำ

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ทวิีตหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แบบเจ็บๆ อาทิ “รถไฟความเร็วสูงเขาไม่ให้สร้าง เพราะประเทศยังมีถนนลูกรังอยู่ ตอนนี้ถนนลูกรัง ก็ยังมีอีกเพียบเลย แล้วจะสร้างยานอวกาศได้ไงอ่าครับ”

มีน้องนักข่าวถามว่า อยากจะบอกอะไรกับท่านรัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ อืมมมมม… “อยากให้ท่านวางถุงกาวลงก่อนน่ะครับ”

ถ้าวิสัยทัศน์ และทัศนคติยังเป็นอยู่อย่างนี้ เรื่องไปดวงจันทร์ คงยาก แต่ถ้าจะลอยอังคาร นี่พอจะเป็นไปได้

ต่อให้สร้างยานอวกาศได้ แต่จะยิงขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ไง มันไม่ชนกะลาหรือ