เผยแพร่ |
---|
นศ.โบราณคดีวางหรีดหน้า ‘กรมศิลป์’ จี้ตามหาอนุสาวรีย์ปราบกบฏ-หมุดคณะราษฎร
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ถนนหน้าพระลาน เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย ของนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร จัดกิจกรรม ‘ฉันหวงฉันมาทวงของฉันคืน’ โดยมีการนัดหมายรวมตัวบริเวณลานศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หน้าคณะจิตรกรรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์
เวลา 10.00 น. นักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร 2 ราย ในนามตัวแทนกลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย แต่งกายในชุดนักศึกษา ถือพวงหรีดผูกโบสีขาว มายังลานศาสตราจารย์ศิลป์ เพื่อเตรียมเริ่มกิจกรรม อย่างไรก็ตาม ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้นักศึกษาต้องเข้าหลบฝนบริเวณหน้าคณะจิตรกรรมฯ จากนั้น มีตัวแทนนักศึกษาเข้าร่วมเพิ่มเติม 1 ราย
กระทั่งเวลาราว 10.20 น. ตัวแทนนักศึกษา รวมทั้งสิ้น 3 ราย เดินเท้าจากลานศาสตราจารย์ศิลป์ ออกจากประตูมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เลี้ยวซ้ายถึงหน้ากรมศิลปากร
เวลา 10.35 น. นายสถาพร เที่ยงธรรม ผอ.กองโบราณคดี เป็นตัวแทนรับมอบจดหมายถึงอธิบดีกรมศิลปากร
จากนั้น ตัวแทนนักศึกษา อ่านจดหมาย มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียกร้องให้กรมศิลปากร ตามหาหมุดคณะราษฎรและอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏ แล้วมอบหนังสือดังกล่าวซึ่งนายสถาพร รับหนังสือไว้ แต่ไม่รับพวงหรีด โดยระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการ นักศึกษาจึงวางพวงหรีดบริเวณบันไดทางขึ้นอาคารกรมศิลปากร
นายสถาพร เที่ยงธรรม ผอ.กองโบราณคดี กล่าวว่า ตนจะนำหนังสือดังกล่าว มอบให้อธิบดีกรมศืลปากรต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของกรมศิลปากรเท่านั้น ซึ่งหมุดคณะราษฎร 2475 ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร ส่วนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ กรมศิลปากรได้ทำเรื่องไปยังเขตแล้ว โดยจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า พวกตนมาในนามประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย ไม่อาจกล่าวได้ว่า ชาวศิลปากรทั้งหมด มีแนวคิดเดียวกับตน อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นนักศึกษาคณะโบราณคดี ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม จึงขอแสดงออกเชิญสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้กรมศิลปากรทำงานอย่างมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่อย่างหนึ่ง ดำเนินการรวดเร็ว ในขณะที่อย่างหนึ่ง ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“เนื่องจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เรารู้สึกละอายแก่ใจ เพราะในฐานะชาวศิลปากร กรมศิลปากรมีความสำคัญ เราจึงขอแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในฐานะนักศึกษาที่มองเห็นความสำคัญในด้านมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ขอให้หนังสือนี้ถึงอธิบดีกรมศิลปากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒธรรม ให้ติดตามสมบัติที่เป็นสาธารณะประโยชน์ของชาติ กลับมาสู่สังคม วันนี้แม้ท่านไม่รับพวงหรีดของเรา ก็ไม่เป็นไร เราจะวางไว้ตรงนี้ เพื่อไว้อาลัยให้การทำงานของกรมศิลปากร หวังว่าใน 14 วันจะได้รับความคืบหน้า” ตัวแทนนักศึกษากลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตยกล่าว
เวลาประมาณ 11.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายผมเกรียน 2 ราย แต่งกายชุดไปรเวท เข้าถ่ายภาพบริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากรฝั่งประตูทางเข้าคณะจิตรกรรมฯ และสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเรื่องการวางพวงหรีด เจ้าหน้าที่ตอบว่า ‘ม็อบไปแล้ว’ และ ‘เขาไม่ได้วางในมหา’ลัย’ จากนั้น ชายผมเกรียนจึงเข้าไปสมทบกับตำรวจหญิงในเครื่องแบบอีก 2 รายซึ่งนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ลานศาสตราจารย์ศิลป์ในขณะที่นักศึกษาหญิง 1 รายของประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตยกำลังให้สัมภาษณ์
สำหรับข้อความในจดหมายนั้น มีเนื้อหาดังนี้
เรื่อง ขอให้ดำเนินการติดตามแสวงหาโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สาบสูญ
สืบเนื่องจากวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทางกลุ่มประชาคมได้ทราบว่ากรมศิลปากรได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจากเหตุการณ์ฝังหมุดคณะราษฎร 2563 ในเช้าวันที่ 20 กันยายน 2563 ณ บริเวณท้องสนามหลวง แต่ในปัจจุบันได้รับสมญานามในสังคมว่าคือสนามราษฎรไปแล้วนั้น
กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย ได้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการทำงานของกรมศิลปากรที่ได้มีความวิริยะ อุตสาหะ ที่จำทำนุบำรุงโบราณสถานของชาติให้ยังดำรงอยู่
แต่ถึงกระนั้นก็ดี ทางกรมศิลปากร คงอาจลืมไปเสียแล้วว่ายังมีการสูญหายของโบราณวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญของประเทศถึง 2 อย่าง นั่นก็คือ หนึ่ง หมุดก่อเกิดรัฐธรรมนูญ หรือหมุดคณะราษฎร ที่ได้สร้างขึ้น ในสมัยของพระยาพหลพยุหเสนา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีข้อความว่า ‘ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การอ่านประกาศคณะราษฎรในวันอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 และสอง คืออนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ณ สี่แยกบางเขน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ได้สาบสูญอย่างลึกลับมาจนถึง ณ เวลานี้
ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย จีงขอให้กรมศิลปากร ติดตามเกี่ยวกับการสูญหาย ของโบราณวัตถุและโบราณสถานดังกล่าวให้กลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติสาธารณะของบ้านเมือง เป็นร่องรอยแห่งความทรงจำร่วมของประชาชนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
หากภายใน 14 วัน ยังคงไร้ความคืบหน้า ในกรณีการสูญหายดังกล่าว ทางกลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย จะนำเรื่องดังกล่าวยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ดำเนินการต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการด้วย จักขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย