รัฐบาลพลเอกประยุทธ์อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว รัฐบาลนี้เกิดขึ้นและอยู่มาได้ด้วยการจัดสรรต่อรองอำนาจและผลประโยชน์มากกว่าการจะมีนโยบายหรืออุดมการณ์ร่วมกัน การแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ในพรรคแกนนำและในรัฐบาลได้พัฒนามาถึงสภาวะที่ไม่มีทางหาจุดที่ลงตัวสำหรับการหาบุคลากรและการสร้างทีมงานที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เสียแล้ว

กลุ่มการเมืองที่ยึดอำนาจในพรรคต้องการอำนาจในรัฐบาลแต่ก็ยังไม่สมประโยชน์ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่มีคนที่มีความรู้ความสามารถพอที่จะเข้ามาทำงานทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนพลเอกประยุทธ์ซึ่งมีฐานทางการเมืองอยู่ที่วุฒิสภา มีโควต้ารัฐมนตรีหลักๆอยู่ แต่ก็ต้องรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญๆไว้ให้ผู้ที่ร่วมกันยึดอำนาจมาส่วนหนึ่ง ที่เหลืออีกไม่กี่ตำแหน่งจึงมีไว้สำหรับหาคนมาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แต่จากการที่เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพที่ถดถอยอย่างรุนแรง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลว รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน การหาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีจึงทำได้ยาก

ยิ่งการลาออกของรัฐมนตรีคลังครั้งนี้ เชื่อกันว่าเกิดจากความขัดแย้งในกระทรวงและในรัฐบาลเอง ใครจะมาเป็นแทนก็คงต้องคิดหนักยิ่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก

นอกจากนั้นปัญหาที่พลเอกประยุทธ์ไม่มีทางแก้ตกได้เลยก็คือการที่กระทรวงทางด้านเศรษฐกิจไม่มีการทำงานเป็นทีม กระทรวงด้านเศรษฐกิจต่างคนต่างทำและขึ้นตรงต่อรองนายกฯที่เป็นหัวหน้าพรรคเสียเป็นส่วนใหญ่ รองนายกฯที่พลเอกประยุทธ์ไปหามาก็กำกับอยู่ไม่กี่กระทรวง การทำงานจึงอยู่ในสภาพที่ไม่มีการประสานกัน ไม่มีใครฟังใคร พูดได้ว่ารัฐบาลนี้ไม่มีทีมเศรษฐกิจ

พลเอกประยุทธ์อ้างว่าตนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง ก็แปลกดี เป็นห้วหน้าทีม แต่ไม่มีทีม และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจเสียด้วย

เศรษฐกิจไทยกำลังถดถอยอย่างรุนแรง เงินกู้ส่วนที่ใช้เป็นงบประมาณเยียวยาก็ใช้หมดแล้ว งบประมาณที่กำลังพิจารณากันอยู่ก็สามารถใช้สำหรับเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนได้น้อยมาก ส่วนที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจก็ใช้กันอย่างสะเปะสะปะ ในหลายเดือนมานี้รัฐบาลยังไม่สามารถบอกได้เลยว่ามีทิศทางแนวทางที่จะรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่นี้อย่างไร เมื่อมาเจอปัญหาความระส่ำระสายปั่นป่วนของทีมเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทีมอย่างที่เป็นอยู่นี้ จึงไม่อาจฝากความหวังใดๆไว้กับรัฐบาลนี้ได้เลย