เปิดโลกแห่งสนามกอล์ฟ มือใหม่เตรียมออกรอบต้องรู้อะไรบ้าง!

มือใหม่อยากฝึกกอล์ฟ ถ้าหากอยากมีรากฐานด้านกอล์ฟที่มั่นคง นอกจากอุปกรณ์ต่างๆ และท่าพื้นฐานที่ควรรู้แล้ว ไม่อยากหมดไฟเพราะเจอสนามยากปราบเซียนไปเสียก่อน อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้เลยคือ “สนามกอล์ฟ” เพราะสนามกอล์ฟแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของบรรยากาศโดยรอบ ทัศนยภาพ และในแง่ของความยากง่าย ดังนั้นผู้เล่นมือใหม่ทั้งหลายจึงควรทำความเข้าใจ ทำการบ้านเกี่ยวกับสนามกอล์ฟไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนออกรอบ เพื่อให้เลือกสนามกอล์ฟที่เหมาะกับตัวเอง มีความท้าทายในระดับที่เหมาะสมพอให้ตื่นเต้น น่าลุ้นตลอดการออกรอบ และไม่ง่ายเกินไปจนน่าเบื่อ แต่ก็ไม่ยากจนท้อใจ ถอดใจไปก่อนหมดรอบ นอกจากความยากง่ายแล้ว บรรยากาศ และวิวทิวทัศน์เองก็เป็นสิ่งสำคัญ หากเลือกสนามผิด ไปเจอสนามกอล์ฟร้อนๆ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าให้ได้ชื่นชมก็คงจะผิดหวังน่าดู บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสนามกอล์ฟให้มากยิ่งขึ้น ดูว่าสนามกอล์ฟมีกี่แบบ แต่ละแบบจะมีมาตรฐานความยากง่ายที่แตกต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำวิธีการเลือกสนามกอล์ฟสำหรับมือใหม่  ที่จะทำให้นักกอล์ฟมือสมัครเล่น เพลินเพลินไปกับประสบการณ์การตีกอล์ฟในครั้งนี้อย่างแน่นอน ไปดูกันเลย!

สนามกอล์ฟมีกี่แบบ

ก่อนจะเลือกสนามกอล์ฟได้ ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าสนามกอล์ฟมีด้วยกันกี่แบบ โดยจะแบ่งออกตามมาตรฐาน และความยากง่ายของแต่ละประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม

สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม คือสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐานที่พบได้ทั่วไป ประกอบไปด้วย 18 หลุม ระยะโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 6,800-7,200 หลา บนพื้นที่กว้างกว่า 500-700 ไร่ รวมจำนวนพาร์ได้เท่ากับ 72 พาร์ โดยแต่ละหลุมจะมีความยากง่าย ความท้าทาย และอุปสรรคที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรูปแบบการเล่นคือให้ผู้เล่นเริ่มตีที่หลุมแรก หลังจากตีลูกกอล์ฟลงหลุมได้แล้วก็จะไปที่หลุมต่อไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 18 หลุมแล้วจึงนับคะแนนรวม โดยจะใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะครบทุกหลุม

สนามกอล์ฟมาตรฐาน 9 หลุม

สนามกอล์ฟมาตรฐาน 9 หลุม คือสนามกอล์ฟที่มีจำนวนหลุมน้อยกว่าสนามกอล์ฟมาตรฐานทั่วไป โดยมีเพียง 9 หลุม ตัวสนามกอล์ฟจึงมีขนาดที่เล็กลงมา ระยะโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 3,400-3,600 หลา บนพื้นที่กว้างกว่า 250-350 ไร่ ใช้เวลาในการเล่นครบรอบน้อยกว่าสนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีเวลาจำกัด แต่ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า แต่ก็ยังคงมอบประสบการณ์ความท้าทายจัดเต็มได้ไม่แพ้สนามกอล์ฟแบบ 18 หลุดเลย

Executive Course สนามสำหรับมือใหม่หัดเล่น

Executive Course หรือที่รู้จักกันในชื่อหลุมพาร์ 3 เป็นสนามกอล์ฟแบบสั้นๆ ระยะโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 100-250 หลา ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกว่าสนามกอล์ฟโดยทั่วๆ ไป เน้นไปที่การตีกอล์ฟอย่างรวดเร็วและผ่อนคลาย เหมาะกับทั้งนักกอล์ฟมือใหม่และผู้ที่อยากตีกอล์ฟแต่มีเวลาจำกัด

6 ภูมิทัศน์ยอดนิยมสำหรับสนามกอล์ฟ

ภูมิทัศน์ยอดนิยมของสนามกอล์ฟสำหรับผู้เล่นทั้งมือใหม่และมือโปร แต่ละแบบก็จะมีความยากง่ายและอุปสรรคที่แตกต่างกันออกไป มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของบรรยากาศและความท้าทาย โดยทั้ง 6 ภูมิทัศน์จะมีอะไรบ้าง แบบไหนจะตอบโจทย์ความท้าทายของคุณ ไปดูเลย

Links Course

คือสนามกอล์ฟที่มีภูมิทัศน์อยู่ตามแนวชายฝั่ง ลักษณะพื้นจะเป็นดินและทรายสลับอยู่บนพื้นหญ้าและดิน ทำให้การคาดคะเนระยะกลิ้งของลูกกอล์ฟไปยังหลุมนั้นยากยิ้งขึ้น และบริเวณนี้จะมีเนินทรายอยู่มากมายให้หลบหลีก หากตกหลุมทรายสักทีล่ะก็ ต้องขุดเอาสกิลทั้งหมดที่มีมาแก้ปัญหาเลยทีเดียว! นอกจากทรายจะเป็นอุปสรรคสำคัญแล้ว แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่สนามกอล์ฟแบบชายฝั่งชายต้องเจอเลยคือ ‘ลม’ เพราะลมเป็นตัวการพัดพาลูกกอล์ฟให้ไปถึงหลุมได้ยากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่อยากออกรอบตีกอล์ฟที่มีความท้าทายสูง ท่ามกลางบรรยากาศสุดผ่อนคลาย

Parkland Course

สำหรับ Parkland Course นี้จะแตกต่างจากสนามกอล์ฟแบบ Links Course อย่างสิ้นเชิง เพราะสนามรูปแบบนี้จะตั้งอยู่ไกลจากชาดหาด ไม่มีลมมารบกวน แต่ภูมิทัศน์โดยรอบจะถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ และมีอุปสรรคเป็นสิ่งก่อสร้างอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบังเกอร์ สระน้ำ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เป็นสิ่งกีดขวางให้เหล่านักตีกอล์ฟทั้งหลายคอยหลบหลีก เหมาะสำหรับผู้ที่อยากท้าทายสกิลตีกอล์ฟหลบหลีกสิ่งกีดขวางนั่นเอง

Heathland Course

คือสนามกอล์ฟที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่ไม่มีพืชพันธุ์อื่นๆ นอกจากต้นสนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ พื้นสนามกอล์ฟมีลักษณะคล้ายคลื่น เรียกได้ว่าถึงจะมีความสวยงาม แต่ก็ยังสร้าความท้าทายให้กับเหล่านักกอล์ฟไปตามๆ กัน เหมาะสำหรับนักกอล์ฟทั่วไปที่อยากได้ความท้าทายที่ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป ได้ขุดทุกสกิลที่มีมาใช้ตามฝีมือกันอย่างสนุกสนานแน่นอน

Sandbelt Course

เป็นรูปแบบสนามกอล์ฟที่ตั้งอยู่บนพื้นดินปนทราย ซึ่งอุปสรรคของสนามรูปแบบนี้จะเป็นแอ่งทรายที่กระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ทั่วทั้งสนาม มีระดับลมที่ไม่ได้แรงมาก ส่วนอุปสรรคของสิ่งกีดขวางหรือสิ่งก่อนสร้างต่างๆ นั้นไม่มีให้ต้องกังวล เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับมือใหม่มาฝึกตีกอล์ฟมากที่สุด

Desert Course

สนามกอล์ฟที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง มีแอ่งทรายอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด รอบข้างไม่มีต้นไม้ หรือแม้กระทั่งพุ่มหญ้า เป็นพื้นที่โล่งๆ ที่ดูเหมือนจะไร้อุปสรรค แต่กลับมีความท้าทายด้วยแอ่งทรายมากมายกระจายอยู่ทั่วทั้งสนาม เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทดสอบทักษะตีกอล์ฟและฝึกสกิลตีกอล์ฟหลบหลุมทรายโดยเฉพาะ

Downland Course

เป็นรูปแบบสนามกอล์ฟที่ตั้งอยู่บนเขา มีทางลาดชัน ท้าทายแรงโน้มถ่วง อีกทั้งยังมีอุปสรรคเรื่องลมแรง ที่คอยขัดขวางการตีในแต่ละลูก คาดเดาได้ยากว่าลูกกอล์ฟจะไปตกบริเวณไหน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกวางแผนในการตีกอล์ฟ อยากประลองท้าทายแรงโน้มถ่วง ควรมาลองที่สนามรูปแบบนี้ได้เลย!

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาสนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุด มีระดับความยากง่ายที่หลากหลาย เหมาะสำหรับนักกอล์ฟทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือโปรกอล์ฟ ขอแนะนำ Rancho Charnvee Golf Course สนามกอล์ฟเขาใหญ่ระดับ 5 ดาว มาตรฐาน 18 หลุม พาร์ 72  ที่นี่เลย รับรองว่าจะได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การตีกอล์ฟที่แตกต่างจากสนามทั่วๆ ไป โดยสนามกอล์ฟที่นี่ตั้งอยู่บนเขาใหญ่ มีภูมิทัศน์ที่ท้าทาย แต่ก็ยังคงรายล้อมไปด้วยความสวยงามของบรรยากาศธรรมชาติใจกลางเขาใหญ่ นอกจากสนามกอล์ฟแล้ว ที่ Rancho Charnvee Resort and Country Club ยังมีบริการที่พัก พร้อมทั้งกิจกรรมให้ได้ทำได้ตลอดทั้งทริป ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ปั่นจักรยาน ขับรถมินิคลาสสิกไฟฟ้า ขับ ATV และอื่นๆ อีกมากมาย

 

สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าพัก หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่แรนโชว์ ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองบริการได้ตามช่องทาง ดังนี้

 

เบอร์โทรศัพท์ : 088-378-2324
Line Official : @ranchocharnvee
Facebook : Rancho Charnvee Resort Khao Yai & Country Club ที่พักเขาใหญ่ ที่เที่ยวเขาใหญ่
อีเมล : [email protected]