“บิ๊กตู่-มาร์ค-ผบ.เหล่าทัพ”จะมีท่าทีอย่างไรกับข้อเสนอ”หมอประเวศ”ให้ขอขมาประเทศ ขั้นแรกแก้วิกฤตชาติ

“บิ๊กตู่-มาร์ค-ผบ.เหล่าทัพ”จะมีท่าทีอย่างไรกับข้อเสนอ”หมอประเวศ”ให้ขอขมาประเทศ ขั้นแรกแก้วิกฤตชาติ

วันที่ 19 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และผบ.เหล่าทัพ จะมีท่าทีอย่างไรกับข้อเสนอของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราชบัณฑิตกิติมศักดิ์ ที่ร่วมสำนึกผิดจากการที่มีส่วนร่วมทำรัฐประหาร รวมถึงอดีตนายกฯอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่อยู่ในเหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงที่ผ่านมา ร่วมทำพิธีขอขมาประเทศ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเสนอที่จะช่วยให้ประเทศพ้นจากวิกฤตการเมือง

ทั้งนี้ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงทางออกวิกฤตการเมืองไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ตนขอเสนอทางแก้ไขวิกฤตชาติ 3 อย่าง ขั้นแรก ให้รัฐบาลร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรจัดรัฐพิธีขอขมาประเทศไทยเพื่อสำนึกผิดจากการทำรัฐประหารที่ผ่านมาอย่างจริงใจ เพื่อให้คนในประเทศให้อภัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอดีตนายกฯหลายคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ความรุนแรง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมด ควรสำนึกผิด

“ถ้านายกฯคนปัจจุบัน อดีตนายกฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงกองทัพออกมาขอขมา สังคมจะเกิดความรู้สึกที่ดี เบาบาดแผลในใจลงไป ถ้าผู้บัญชาการเหล่าทัพประกาศว่ากองทัพจะสนับสนุนประชาธิปไตย จะเป็นทางออกที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีของพล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพเอง การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย จะเป็นทางลงอย่างดี คนอาจยกโทษให้ แล้วมาร่วมมือกัน”ศ.นพ.ประเวศกล่าว

ศ.นพ.ประเวศกล่าวว่า ขั้นที่ 2 คือ จัดสมัชชาประชาธิปไตยให้ตัวแทนทุกฝ่ายในสังคม ทั้งคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา เข้ามามีส่วนร่วมโดยคิดถึงองค์รวมของประเทศ อย่าทะเลาะกัน เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และขั้นที่ 3 ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ส.ส.ร.ต้องประกอบด้วยทุกฝ่ายในสังคม อย่างเมื่อปี 2537 ซึ่งตนเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) ตั้งโดยประธานรัฐสภา แล้วตนเลือกกรรมการเอง ตอนนั้นนำผู้แทนกองทัพทั้งบก เรือ อากาศมาเป็นกรรมการด้วย ดังนั้น กองทัพเคยสนับสนุนประชาธิปไตยมาก่อนและสนับสนุนได้ ต่อมาจึงนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

“ผมยอมรับว่า มีอคติกับพล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม หลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนไป ล่าสุด ยังออกมาบอกว่าอย่าใช้ความรุนแรงกับนักศึกษา ดังนั้น เชื่อว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะไม่เหมือน 6 ตุลา 2519 ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความรุนแรงโดยกลไกรัฐ”ศ.นพ.ประเวศกล่าวและว่า ส่วนที่มีการออกหมายจับนักศึกษา มองว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย หากมองในแง่ดี คือหัวเรือบอกแล้วว่า อย่ารุนแรง

ศ.นพ.ประเวศกล่าวว่า อยากให้สังคมไทยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งประชาธิปไตยทางการเมือง อย่างเดียวไม่พอ ยังต้องการอีก 3 อย่าง ได้แก่ 1.ประชาธิปไตยทางจิตสำนึก เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนอย่างเท่าเทียม 2.ประชาธิปไตยทางสังคม กล่าวคือ สังคมต้องเข้มแข็ง มีพลเมืองที่ตื่นรู้ และ3.ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ คนต้องสามารถกำหนดเศรษฐกิจของตัวเองได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ก็เกิดเรื่อง เราต้องมีระบบเศรษฐกิจที่ประชาชนสร้างงานเองได้ ไม่ตกงาน ไม่มีความยากจน

ศ.นพ.ประเวศยังกล่าวถึงประเด็นคนรุ่นใหม่กับประชาธิปไตย ว่า คนรุ่นใหม่จะมาแทนคนรุ่นเก่า คนรุ่นเก่าต้องถนอม รัก และช่วยส่งเสริมคนรุ่นใหม่ ยิ่งเก่ง ยิ่งดี อนาคตประเทศไทยก็ยิ่งดี คนรุ่นเก่าต้องเข้าใจว่า ใหม่ ไม่เหมือน เก่า นี่คือธรรมชาติ สิ่งต่างๆ ล้วนเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรอยู่กับที่ การที่ลูกหลานไม่เชื่อพ่อแม่ ไม่ใช่พวกเขาเป็นคนเลวลง หากคิดเช่นนั้นจะเป็นความทุกข์

“ต้องเข้าใจว่าสมัยโบราณ ลูกหลานได้ข้อมูลเฉพาะจากพ่อแม่ และครู เขาได้ข้อมูลจากใครก็เชื่อคนนั้น แต่ปัจจุบันมีข้อมูลจากหลายทาง ดังนั้น ถ้าจะให้เขาเชื่อแต่พ่อแม่และครูเหมือนเดิม มันก็ขัดกับความเป็นเหตุเป็นผล เขาไม่ได้เลวลง แต่มีเหตุปัจจัยที่เคลื่อนไป ไม่เหมือนเก่า คนรุ่นเก่าต้องเข้าใจเขา คนรุ่นใหม่จะเป็นอนาคตของประเทศ เขาอยากเคลื่อนไปข้างหน้า แต่คนรุ่นเก่าที่อาจจะอยู่กับอดีต สามารถเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่ได้ โดยเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน”ศ.นพ.ประเวศกล่าว

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ในความคิดต่าง ความหลากหลายเป็นเรื่องดี เป็นความงาม เป็นธรรมชาติ อย่ารังเกียจความหลากหลาย ประเทศไทยที่จะก้าวต่อไป ต้องสร้างบูรณภาพและดุลยภาพท่ามกลางความหลากหลาย อย่าคิดแยกส่วน