‘หมอธีระ’ ค้านเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เหตุสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดทั่วโลกยังย่ำแย่

‘หมอธีระ’ ค้านเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เหตุสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดทั่วโลกยังย่ำแย่

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” โพสต์ข้อความระบุว่า

“ข้อมูลล่าสุด 5 กรกฎาคม 2563

วันเดียวติดไปเพิ่มอีกเกือบสองแสนคน (194,041 คน) จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก 11,362,457 คน
พรุ่งนี้อินเดียน่าจะแซงรัสเซียขึ้นเป็นอันดับ 3…เร็วกว่าที่คาดไว้วันนึง
เพราะเมื่อวานอินดียเพิ่มไปถึง 24,015 คน จนมียอดรวม 673,904 คน
ส่วนรัสเซีย เพิ่ม 6,632 คน ยอดรวม 674,515 คน
ในขณะที่อเมริกากับบราซิล ยังยึดอันดับ 1 และ 2 ของโลก ยอดรวมมากกว่าอันดับที่ 3 ไปถึง 5 เท่าและ 2 เท่าตามลำดับ
แถวเพื่อนบ้านไทย…สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ญี่ปุ่นเพิ่ม 194 คน รวม 19,064 คน, สิงคโปร์เพิ่ม 185 คน รวม 44,664 คน, เกาหลีใต้เพิ่ม 63 คน รวม 13,030 คน, มาเลเซีย เพิ่ม 10 คน รวม 8,658 คน ส่วนจีนก็มีเพิ่ม 3 คน รวม 83,545 คน
รัฐและหน่วยงานความมั่นคง ควรทบทวนนโยบายที่จะสนับสนุนฟองสบู่ท่องเที่ยว
สถานการณ์ย่ำแย่ทั่วโลกเช่นนี้ ควรชะลอเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติออกไปก่อน
ขืนทำตามที่หน่วยงานบางหน่วยงานชงขึ้นไป จะเจอ”หายนะ”
วิธีตรวจคัดกรองที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีโอกาสหลุด
ตามหลักวิชาการแพทย์ โรคที่น่ากลัว ติดง่าย แถมไม่มียารักษามาตรฐาน และไม่มีวัคซีนป้องกัน แบบ COVID-19 นี้ ต้องตรวจคัดกรองด้วยวิธีที่มีความไวสูง ไม่ให้หลุดรอดได้
เรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติ…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ควรทำครับ
ตั้งแต่สัปดาห์หน้า…ควรเริ่มจับตาดูผลจากการปลดล็อคระยะที่ 5 ยาวๆ ไปถึงกลางสิงหาคมครับ”
นอกจากนี้ รศ.นพ.ธีระ โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า

“5 กรกฎาคม 2563

โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พรุ่งนี้คาดว่า อันดับโลกน่าจะเปลี่ยนแปลง จากเดิม อเมริกา บราซิล รัสเซีย อินเดีย…จะกลายเป็น อเมริกา บราซิล อินเดีย รัสเซีย…
องค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศเมื่อวานนี้ว่า ได้ตัดสินใจหยุดการให้ยาในกลุ่มผู้ป่วย COVID-19 ที่ได้ยา Hydroxychloroquine และ Lopinavir/ritonavir ในงานวิจัย Solidarity trial แล้ว เพราะจากการวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างดำเนินการวิจัย พบว่าไม่ได้ผลในการลดอัตราการเสียชีวิต
ตอนนี้ไทยควรคิดแผนไว้ล่วงหน้าว่า หากเกิดระบาดระลอกสองหลังรับชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศจะทำอย่างไรดี แม้จะค่อยๆ ก้าวเป็นระยะตามที่ออกข่าวมาทางสื่อ แต่สุดท้ายต้องยอมรับว่า ความเสี่ยงจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนสูงสุดหลังจากที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบนโยบายฟองสบู่ท่องเที่ยว
ยาในคลัง มี Favipiravir จำนวนหนึ่งสำหรับใช้รักษาผู้ป่วยได้ราว 10,000 คน นอกนั้นคือ
Hydroxychloroquine และ Lopinavir/ritonavir ที่องค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศไปตามข่าว
ส่วนยา Remdesivir นั้นคงยากที่จะไปต่อกร แย่งกับอเมริกาซึ่งได้สั่งซื้อสต็อคไว้ล่วงหน้าหมดทั้ง 3 เดือนไปเรียบร้อยแล้ว
คนที่เล่นหมากรุก ไม่ว่าจะไทย จีน ฝรั่ง พอเห็นกระดานแบบนี้ รูปการณ์แบบนี้ คงไม่ใช่เวลาที่จะเดินเกมส์รุก เพื่อหาเงิน
แต่ตาหมากที่ควรเดินคือ การป้องกันให้เข้มแข็ง เพราะสถานการณ์ระบาดทั่วโลกนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ในเร็ววัน
ประหลาดใจที่ รัฐและหน่วยงานความมั่นคง กลับเลือกเดินตามมาตรการของกลุ่มการเมืองที่เคยฝากผลงานให้เราต้องมาช่วยกันสู้ระลอกแรกอย่างเหนื่อยแสนสาหัสมาแล้ว
ถ้าผมเป็นคนบริหารประเทศ…ผมจะคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นอันดับแรก และจะไม่เลือกเดินหมากฟองสบู่ท่องเที่ยวระยะที่สามโดยเด็ดขาดครับ
แค่ปล่อยแง้มให้เกิด Medical and wellness tourism ก็มากเกินพอแล้ว
และที่แน่ๆ ผมจะปรับคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลังเลครับ
ต้องไม่ให้เกิดปรากฏการณ์เชียร์แข่งรถขณะโรคระบาด หน้ากากล่องหน หวัดธรรมดา หักหัวคิวโรงแรม หรือยาเสพติดรักษาสารพัดโรค เกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต
“สุขภาพ…ท่องเที่ยว…และเดินทาง” ไม่ควรอยู่ในการกำกับของวงอำนาจเดียว เพราะส่งผลต่อสวัสดิภาพของทุกคนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดอีกยาวเช่นนี้
อ้างอิง
WHO discontinues hydroxychloroquine and lopinavir/ritonavir treatment arms for COVID-19. World Health Organization. 4 July 2020.”

 

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10220263793217474