ไทยแชมป์หญิงนั่งซีอีโอมากสุด | สรรพสามิตคุมเข้มสินค้าหนีภาษี | สคร.โชว์เก็บรายได้ รสก. 9.6 หมื่นล.

แฟ้มข่าว

เล็งขายพันธบัตรออมทรัพย์ใหม่

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งเปิดขายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทใกล้เต็มวงเงินแล้ว โดยยังเหลือในรุ่นพิเศษ เปิดให้กับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะหมดภายในเดือนมีนาคมนี้ ถือว่าเร็วกว่ากำหนดไว้ว่าจะเปิดขายถึงเดือนเมษายน 2563 ดังนั้น สบน.กำลังพิจารณาเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคม วงเงินน่าจะใกล้เคียงกับครั้งก่อน 1.5-2 หมื่นล้านบาท โดยเน้นรุ่นปกติ เปิดขายให้กับประชาชนทั่วไป ไม่มีรุ่นสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งนี้ พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนต้องการออมเงินในช่วงที่ดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารต่างๆ อยู่ในระดับที่ต่ำ ส่วนดอกเบี้ยของพันธบัตรรุ่นใหม่จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะสรุปในช่วงที่ใกล้ๆ เปิดขาย โดยยืนยันดอกเบี้ยน่าสนใจ ไม่แพ้พันธบัตรรุ่นที่ผ่านมา แต่คงไม่สูงเท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง

ไทยแชมป์หญิงนั่งซีอีโอมากสุด

นางสาวเมเลีย ครูซ หุ้นส่วนของแกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจบริษัทขนาดกลาง 5,000 แห่ง ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ในส่วนไทยสำรวจ 103 แห่ง เกี่ยวกับบทบาทผู้หญิงในวงการธุรกิจปี 2563 พบว่า ในประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกและในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีผู้หญิงครองตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในตลาดขนาดกลาง 32% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 27% และค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งอยู่ที่ 26% โดยในปีนี้จำนวนธุรกิจในกลุ่มบริษัทขนาดกลางที่ไม่มีผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงเลยอยู่ที่ 14% ลดลง 5% จากปี 2562 ทั้งนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่าผู้หญิงในไทยถือครองตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) มากที่สุดคือ 43% สอดคล้องกับข้อมูลความหลากหลายทางเพศ CS Gender 3000 Report ของสถาบันวิจัยเครดิตสวิส (Credit Suisse Research Institute) ที่พบว่าไทยมีสัดส่วนผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) มากที่สุดในโลก และครองอันดับสามของประเทศที่มีผู้หญิงนั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มากที่สุดในโลก

“เอ็กโกกรุ๊ป” รุกลงทุนธุรกิจไฟฟ้า

นายกัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ปี 2563 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งเป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ มุ่งธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะขยายการลงทุนในประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว อาทิ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเจาะตลาดในประเทศใหม่ อาทิ ไต้หวัน ต่อยอดไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ การจัดหาเชื้อเพลิงและการให้บริการด้านพลังงาน สมาร์ต เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนด โดยปีนี้เตรียมงบฯ ลงทุน 30,000 ล้านบาท สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่ สำหรับผลประกอบการปี 2562 มีกำไรจากการดําเนินงานปกติ 10,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,173 ล้านบาท

สคร.โชว์เก็บรายได้ รสก. 9.6 หมื่นล.

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สคร.จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 17,717 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจากรัฐวิสาหกิจและในช่วง 5 เดือนแรก ช่วง 1 ตุลาคม 2562 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 96,866 ล้านบาท คิดเป็น 107% ของประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม หรือคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีงบประมาณ 2563 จำนวน 188,800 ล้านบาท ด้านนายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประเมินผลรัฐวิสาหกิจ ในฐานะโฆษก สคร.กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นำส่งรายได้แผ่นดิน คิดเป็น 92% ของเงินนำส่งรายได้ทั้งหมด เช่น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 21,993 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 18,301 ล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 13,139 ล้านบาท เป็นต้น

สรรพสามิตคุมเข้มสินค้าหนีภาษี

นายวิวัฒน์ เขาสกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562-5 มีนาคม 2563 เป็นเวลากว่า 5 เดือน พบว่ามีการกระทำผิดจำนวน 15,263 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 235.02 ล้านบาท โดยแยกเป็น สุรา 8,553 คดี ค่าปรับ 76.04 ล้านบาท ยาสูบ 4,697 คดี ค่าปรับ 109.95 ล้านบาท ไพ่ 307 คดี ค่าปรับ 3.27 ล้านบาท น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 689 คดี ค่าปรับ 14.01 ล้านบาท น้ำหอม 36 คดี ค่าปรับ 0.91 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 708 คดี ค่าปรับ 14.55 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ 273 คดี ค่าปรับ 16.29 ล้านบาท

ลุ้น ก.ค.นักท่องเที่ยวกลับมาบวก

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยระหว่างการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้ชื่อ ไทยช่วยไทย โอกาสจากวิกฤตโควิด-19 โดยมีเอกชนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวกว่า 200 ราย ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจีนประกาศห้ามคนจีนเดินทางนอกประเทศ พบว่า นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลงมากกว่า 23% หากสถานการณ์ดังกล่าวควบคุมได้และสิ้นสุดภายในเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 จะเป็นเดือนที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำสุด และตัวเลขกลับมาเป็นบวกในเดือนกรกฎาคม 2563 ทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมตลอดปี 2563 จะมียอดรวมที่ 34.2 ล้านคน ลดลงจากปี 2562 ที่มียอดรวม 39.8 ล้านคน ส่วนเป้าหมายคนไทยเที่ยวกันเองภายในประเทศ ททท.ยืนยันตัวเลขเดิมคือ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 167 ล้านคน เป็น 172 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 4% จากปี 2562 รายได้จะเพิ่มจากปีที่ผ่านมาอีก 1-2 แสนล้านบาท

โดยคนไทยปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวในระยะทางใกล้ๆ ไม่เกิน 300 กิโลเมตร