ตร.สั่งตรวจสอบคนสนิท รมต.กักตุนหน้ากากอนามัย ชี้เป็นการฉกฉวยโอกาส

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. (งานกฎหมายและคดี) เป็นตัวแทนรับมอบหน้ากากอนามัย 1,000 ชิ้น จาก พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการทหารอากาศ เพื่อนำหน้ากากอนามัยเหล่านี้ไปให้ข้าราชการตำรวจและลูกจ้างในสังกัดได้ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองได้มีมาตราการเบื้องต้นในการรณรงค์และแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับข้าราชการตำรวจทั่วประเทศรับทราบถึงข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองบุคคลเข้า-ออกภายในอาคาร หากพบบุคคลที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจทันที พร้อมไม่อนุญาตให้เข้ามาภายในอาคาร โดยขณะนี้ยังไม่พบบุคคลที่มีอุณหภูมิร่างกายผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนการควบคุมหน้ากากที่จำหน่ายเกินราคา ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท ในเรื่องดังกล่าวได้มีความเข้มงวดสั่งการให้ทุกพื้นที่ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี เพราะถือว่าในสภาวะเช่นนี้คนที่แสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี

ถามว่ากรณีคนติดตาม รัฐมนตรีคนหนึ่งถูกกล่าวถึงว่าเป็นการกักตุนหน้ากากอนมัยในภาวะขาดแคลน และจำหน่ายเกินราคา 2.50 บาท บาท โดยจากคลิปมีการระบุว่าจำหน่ายชิ้นละ 14 บาท และ มีจำนวนกว่า 200 ล้านชิ้น พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ซึ่งแบบนี้มีความผิดจำหน่ายเกินราคาแล้ว ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ พร้อมกับย้ำว่าแม้เกี่ยวกับคนติดตามรัฐมนตรีตำรวจก็ไม่ละเว้น ที่จะดำเนินคดีรวมทั้งขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพราะเป็นการซ้ำเติมและฉกฉวยโอกาสในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวได้ให้พื้นที่ลงไปตรวจสอบในเรื่องปริมาณหน้ากากจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องดูว่าเขาซื้อมาขาย มาส่งต่อหรือไม่

ทั้งนี้สินค้าเป็นล้านชิ้นต้องมีการวางแผนเป็นขั้นตอน แต่อย่างไรก็ต้องรอการสืบสวนสอบสวน รอข้อเท็จจริงถึงจะวินิจฉัยได้ เพราะตนก็ยังไม่เห็นรายละเอียดแห่งคดี หรือสำนวนการสอบสวน ตนไม่อยากพูดคาดเดาไปก่อน เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง