กกต.ยกคำร้อง ข้อกล่าวหา ส.ส.พิษณุโลก พปชร. ชวนปชช.สมัครพรรคแลกบัตรสวัสดิการฯ

กกต.ยกคำร้อง ส.ส.พิษณุโลก “พรรคพปชร.” ข้อกล่าวหา ชวนปชช.สมัครสมาชิกพรรคแลกเงิน- ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังไม่พบหลักฐานตามคำร้อง

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.กรณีก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.ได้รับคำร้องว่า นายมานัส อ่อนอ้าย ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขต 5 พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ ( ปัจจุบันได้รับการเลือกตั้ง ) กระทำการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) และ (5 ) ทั้งนี้ กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 เมื่อประมาณช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนธันวาคม2561 นายมานัส ได้ชักชวนประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยจะเรียกเก็บบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาและสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมกับให้ลงชื่อขอทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกรอกใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วจะได้รับเงินคนละ 100 บาทและจะมีสิทธิรับเงินอีกคนละ 500 บาท ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 2 มกราคม 2562 จากการไต่สวนผู้ร้องไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเองแต่รับฟังจากชาวบ้านทั่วไป ส่วนพยานบุคคลที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่มีพยานรายใดที่พบเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และไม่สามารถให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่สำคัญได้ และพยานแวดล้อมที่ไต่สวนก็ให้ถ้อยคำตรงกันว่าไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ตามคำร้องแม้ผู้ร้องจะนำแผ่นบันทึกภาพและเสียงมาสนับสนุนแต่ก็ไม่ปรากฏพฤติการณ์ตามคำร้อง
ส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 15.00 น.นายมานัส พร้อมทีมงานพรรคพลังประชารัฐปราศรัยหาเสียง ณ ที่ทำการกำนัน ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก โดยมีข้อความว่า”บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือที่เรียกกันติดปากว่าบัตรคนจนเป็นผลงานของพรรคพลังประชารัฐ หากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นรัฐบาลโดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี บัตรสวัสดิการดังกล่าวจะยังมีอยู่ต่อไป หากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกฯ บัตรดังกล่าวจะถูกยกเลิกทันที”และแจกเงินให้แก่ประชาชนที่มาฟังการปราศรัยคนละ 100 บาท และเจ้าของรถยนต์ที่ขนส่งประชาชนคันละ 1000 บาท จากการไต่สวนผู้ร้องไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเองแต่รับฟังจากชาวบ้านทั่วไป และพยานบุคคลในพื้นที่ต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์ตามคำร้อง

ส่วนอีกประเด็นเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2562 นายมานัสและตัวแทนได้ปราศรัยหาเสียงในเขตอำเภอชาติตระการว่าให้ชาวบ้านไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน เพื่อหลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ จากการไต่สวนผู้ร้องไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเองแต่รับฟังจากชาวบ้านทั่วไป และพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ให้ถ้อยคำว่าไม่ทราบข้อมูลว่ามีผู้ใดกระทำการตามคำร้อง ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านายมานัส กระทำการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) และ (5 ) จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง