พณ.พอใจยอดตั้งบริษัทใหม่ม.ค.กว่า6.9พันราย หวังโควิด-19เอื้อไทยฮับการแพทย์ โชว์ต่างชาติแห่ขอตั้งคลินิกทั่วไป

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า(พธ.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม  2563 จำนวน 6,942 ราย เพิ่มขึ้น 120% จากเดือนธันวาคม 2562 แต่ลดลง 5% เทียบเดือนมกราคม 2562  โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 16,256 ล้านบาท ซึ่ง 3 ธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 633 ราย รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 351 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร 225 ราย

ขณะที่ธุรกิจเลิกประกอบการ มีจำนวน 1,407 ราย ลดลง 75%จากเดือนธันวาคม 2562 และเพิ่มขึ้น 0.4% เทียบมกราคม 2562 โดย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 3,900 ล้านบาท   และธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 150 ราย  รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 72 ราย และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร 40 ราย

นางโสรดา กล่าวว่า การจัดตั้งธุรกิจใหม่และเลิกกิจการเดือนมกราคม ถือว่าปกติยอดตั้งบริษัทสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 6,312 ราย ส่วนเลิกยังต่ำค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,844 รายต่อเดือน ปัจจัยหนุนมากจากรัฐบาลและหน่วยงานรัฐออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจเป้าหมาย จึงคาดว่าทั้งปี 2563 ยอดตั้งบริษัทยังคงได้ตามคาดไว้ที่ 7.1-7.2 หมื่นราย

“ กรมกำลังติดตามสถานการณ์โควิด19 ว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจไทยอย่างไร เบื้องต้นมองเห็นโอกาสในหลายธุรกิจ คือ อาหารและการเกษตร ธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ ซึ่งไทยถูกมองว่ารับมือและป้องกันเรื่องการระบาดของโควิด19ได้ดี ที่จะส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจทางการแพทย์ได้ “นางโสรดา กล่าว

นางโสรดา กล่าวต่อว่าจากการที่กรมได้สำรวจธุรกิจน่าจับตามองปี 2563 พบว่า ธุรกิจคลินิกโรคทั่วไป เติบโตเร็วและแนวโน้มลงทุนเพิ่มขึ้นในปีนี้ แม้คนไทยลงสูงกว่าต่างชาติ แต่เดือนมกราคมปีนี้ต่างชาติลงทุนเพิ่ม 48.80% โดยเป็นการเข้ามาลงทุนของมาเลเซีย อิตาลี และญี่ปุ่น และจำนวนจัดตั้งเพิ่มต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว โดยปี 2562 รวม 228 ราย และเดือนมกราคมอีก 21 ราย

นอกจากนี้พบว่าธุรกิจบริการและเกี่ยวข้องกับค้าปลีกยังขยายตัวได้เร็ว เช่น ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจห้องแช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น ซึ่งเติบโตตามธุรกิจออนไลน์และบริการส่งถึงบ้านที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

นางโสรดา กล่าวว่า ในส่วนของการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและชดเชยไทยสูญเสียรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยกรมสั่งการให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมและการประชุมในพื้นที่ต่างจังหวัด จากเดิมส่วนใหญ่จัดประชุมภายในกรมหรือกระทรวงพาณิชย์ โดยจะดำเนินการทันทีหลังจากงบประมาณปี 2563 ได้เบิกจ่ายมาแล้ว จะเป็นกระจายเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ฟื้นกำลังซื้อและการท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย