วันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.คำอี เฮียงบุญ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้เชิญตัว นายพิศาล บุพศิริ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ข้อความเชิญมา “วิ่งไล่ลุง” ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช ถึงหน้าตลาดอินโดจีน เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยมีนายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายณพจน์สกร ทรัพยสิทธิ์ กลุ่มมหานคร ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม นายถิรวัฒน์ จำปาไชยศรี ประธานสภาทนายความ จ.นครพนม และคณะ มาร่วมให้กำลังใจ

สืบเนื่องจากวันที่ 12 มกราคม 2563 ที่บริเวณริมฝั่งโขง ลานพญาศรีสัตตนาคราช เขตเทศบาลเมืองนครพนม กลุ่มพลเมืองประชาธิปไตยนครพนม นำโดย นายณพจน์สกร ทรัพยสิทธิ์ นายพิศาล บุพศิริ นายประคอง วงษ์พันธ์ พร้อมแกนนำรวมกลุ่มแสดงเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้บริหารประเทศด้วยหลักธรรมาภิบาล รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้แก้ปัญหาความเดือดร้อน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของประชาชน ซึ่งประชาชนกำลังจะอดตาย แล้วฆ่าตัวตายเป็นรายวัน อย่ามัวแต่แก้ปัญหาการเมือง ให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสมอภาค แสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อวิ่งเสร็จก็แยกย้ายกันไปไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.สอบสวน ภ.จว.นครพนม กล่าวว่า ผู้จัดการชุมนุมไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งนายพิศาล บุพศิริ เป็นคนโพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมชุมนุม “วิ่งไล่ลุง” นครพนมกะแล่นนำเดียว ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช มาพร้อมกันเด้อ ซึ่งทางนายพิศาลกล่าวว่า เชิญชวนกันมาออกกำลังกาย ซึ่งตรงกันกับวัน “วิ่งไล่ลุง” เมื่อออกกำลังกายแล้วก็ต่างคนต่างกลับบ้าน

พ.ต.อ.ปราโมทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้คณะของนายพิศาลได้ส่งผู้แทนมาพูดคุยขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ชี้แจงข้อกฎหมายและขั้นตอนการดำเนินคดีให้ทางฝ่ายผู้ชุมนุมรับทราบ และทางตำรวจจะรวบรวมหลักฐานว่ากระทำผิดหรือไม่ ถ้าผิดก็จะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ กล่าวว่า การออกกำลังกายตรงกับวันวิ่งไล่ลุงพอดี ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง ถ้ารับสารภาพก็ถือว่าเป็นการทำความผิด วันนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา การทำงานของตำรวจดีมาก รัฐบาลกลัวการเดินขบวน เพราะทำงานไม่เข้าตาประชาชนแล้วจนเยี่ยวแตก ตำรวจต้องทำตามหน้าที่ วันนี้เรียกมาคุยกันเฉยๆ ถ้าผิดหรือถูกก็อยู่ที่ศาล ตัดสินการเมืองหมิ่นเหม่มาก