รพ.เอกชน บวกกำไรยาหมื่นเปอร์เซ็นต์ | ศก.กระทบยอดใช้น้ำมัน 9 เดือน | สรท.คาดส่งออกปี “63 โต 0-1%

ลดค่าโอน-จดจำนองเริ่ม 2 พ.ย.

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ขณะนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดภาระให้แก่ประชาชน ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนเหลือ 0.01% จากเดิม 2% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% จากเดิม 1% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยการจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ต้องเป็นที่อยู่อาศัยทำนิติกรรมในคราวเดียวกัน ได้มีผลบังคับใช้แล้วเริ่มตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 คาดว่ามาตรการที่ออกมา ช่วยระบายบ้านและคอนโดมิเนียมค้างสต๊อกกว่า 35,000 ยูนิต และน่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4 ไม่ให้ทรุดตัวมากตามที่คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนในตลาดถึง 60% ของอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ

สคร.ปลื้มผลงานเบิกจ่าย รสก.

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเบิกจ่ายงบฯ ลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง มีผลการเบิกจ่ายสะสมจำนวน 199,887 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77% ของแผนเบิกจ่ายสะสม และคาดว่าในปี 2562 รัฐวิสาหกิจจะสามารถเบิกจ่ายงบฯ ลงทุนได้ 80% ของกรอบการเบิกจ่ายงบฯ ลงทุนทั้งปี โดย สคร.ติดตามและทำงานร่วมกับรัฐวิสาหกิจอย่างเข้มข้นในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเบิกจ่ายงบฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้รวมถึงในช่วงต้นปี 2563 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ

“โออาร์” เปิดแผนลงทุนอาเซียน

น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (โออาร์) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดแบบแสดงรายการ (ไฟลิ่ง) เพื่อยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ส่วนแผนการกระจายหุ้นไอพีโอให้กับชุมชนตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปี (2563-2567) เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อาทิ ลงทุนขยายสาขาในและต่างประเทศ ที่มีในไทย 1,850 แห่ง และในลาว ฟิลิปปินส์ เมียนมา กัมพูชา รวม 280 แห่ง โดยธุรกิจนอนออยล์และต่างประเทศมีสัดส่วน 30% และธุรกิจน้ำมัน 70% ทั้งนี้ นอกจากเป็นที่รู้จักของคนไทย ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ 600 ล้านคนในอาเซียนรู้จักแบรนด์โออาร์ด้วย

“บีโอไอ” หวังยอดคำขอทะลุ 1 ล้านล้าน

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอยังคงเป้าหมายยอดคำขอทั้งปีนี้มีมูลค่าเกิน 7.5 แสนล้านบาท ซึ่งจีนยังเป็นกลุ่มสำคัญที่มีการยื่นขอและเข้ามาลงทุนในไทย โดย 9 เดือนแรก มีโครงการขออนุมัติและลงทุนจริง 4.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 100% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน คาดว่าถึงสิ้นปีจะมีมูลค่าลงทุนจริง 5.5 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 30% โดยช่วงที่เหลือมีนักลงทุนต่างชาติยื่นคำขอต่อเนื่อง ส่วนตัวเลขปี 2563 เชื่อว่ายอดคำขอจะเพิ่มจากปีนี้ค่อนข้างมาก เพราะมีปัจจัยหนุนหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเลื่อนอันดับประเทศที่ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เป็นผลดีในสายตาต่างชาติคาดหวังว่าปี 2563-2564 จะมีมูลค่าคำขอทะลุ 1 ล้านล้านบาท เหมือนปี 2557

รพ.เอกชน บวกกำไรยาหมื่นเปอร์เซ็นต์

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนยาเวชภัณฑ์ บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า การกำหนดราคาขายของโรงพยาบาลแบบกลุ่มที่มีบริษัทในเครือ ไม่สอดคล้องกับต้นทุน คือ ต้นทุนต่ำ แต่กำหนดราคาขายสูง โดยยาลดไขมัน (Bestatin) ช่วงราคาขายอยู่ที่ 2-61 บาท มีการบวกส่วนเพิ่มสูงถึง 11,965% และมีอัตรากำไรส่วนเกิน ประมาณ 60-99.17% รองลงมาคือ ยาแก้ปวดลดไข้ (Tylenol) ช่วงราคาขายอยู่ที่ 1-22 บาท มีการบวกส่วนเพิ่มสูงสุด 4,483% และมีอัตรากำไรส่วนเกิน ประมาณ 21-97.82% ขณะที่ยาลดความดัน (Anapril) ช่วงราคาขายอยู่ที่ 2-56 บาท มีการบวกเพิ่ม 9,100% และมีอัตรากำไรประมาณ 60-98.91% ยาฆ่าเชื้อ (Ciprobay) ช่วงราคาขายอยู่ที่ 1,723-3,654 บาท มีการบวกส่วนเพิ่มสูงสุด 255.81% และมีอัตรากำไรส่วนเกิน 37.18-71.90% และยามะเร็ง (Herceptin) ช่วงราคาขายอยู่ที่ 86,500-234,767 บาท มีการบวกเพิ่มสูงสุด 188.80% และมีอัตรากำไรส่วนเกิน 63.37%

สรท.คาดส่งออกปี “63 โต 0-1%

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.คงคาดการณ์เป้าหมายส่งออกปี 2562 ติดลบ 1.5% จากเดิมติดลบ 1% ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาท 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนปี 2563 คาดการณ์เติบโต 0-1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 30.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และปัจจัยบวกคือการหาพันธมิตรการค้าใหม่ผ่านการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) เหตุการณ์ความไม่สงบในการประท้วงของฮ่องกงทำให้นักลงทุนฮ่องและไต้หวันเริ่มหาพื้นที่กระจายความเสี่ยงและย้ายการลงทุนมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงคือผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทำให้การค้าโลกถดถอยต่อ สินค้าที่โดนตัดสิทธิจีเอสพี และผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ดังนั้น จึงเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและขยายตลาดใหม่ๆ

ศก.กระทบยอดใช้น้ำมัน 9 เดือน

รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) แจ้งว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 9 เดือนแรกปี 2562 มีปริมาณ 43,051 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 157.7 ล้านลิตร หรือ 991,924 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.3 ล้านลิตร หรือเพิ่ม 1% เนื่องจากเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ด้านการนำเข้าน้ำมันดิบ 9 เดือนแรก 899,462 บาร์เรลต่อวัน ปริมาณนำเข้าลดลง 5.4% มูลค่ารวม 522,991 ล้านบาท ลดลง 14.3% หรือมูลค่า 87,015 ล้านบาท

เนื่องจากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยลดลงและเป็นผลจากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น