ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง 1.94% ขณะตลาดวิตกสงครามการค้า

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดตลาดดิ่งลง 1.94% ในวันอังคาร( 6ส.ค.) ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์รูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 58.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน และปิดตลาดใต้ระดับ 60 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เพราะสงครามดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจร่วงลง

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 1.06 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 53.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 87 เซนต์ หรือ 1.45% สู่ 58.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลงมาแล้วกว่า 22% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี”

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลงมาแล้วกว่า 9% ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสินค้าจีน และรัฐบาลจีนดำเนินมาตรการเพิ่มเติมต่อสินค้าเกษตรสหรัฐ ทั้งนี้ นายคาร์สเตน ฟริทช์ นักวิเคราะห์ของธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า “มีคำถามสำคัญสองคำถามในตลาดน้ำมัน โดยคำถามแรกก็คือว่า จีนจะเข้าซื้อน้ำมันดิบสหรัฐต่อไปหรือไม่ และคำถามที่สองก็คือว่า จีนจะยังคงปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านต่อไปหรือไม่ โดยจีนจะยังคงงดซื้อน้ำมันอิหร่านต่อไปหรือไม่”

รัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในแอ่งเพอร์เมียนและในแหล่งผลิตน้ำมันหินเชลอื่นๆ จะช่วยชดเชยปริมาณการผลิตน้ำมันที่ลดลงในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นผลจากพายุเฮอริเคนแบร์รี

หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบดิ่งลง 3.4 ล้านบาร์เรล สู่ 439.6 ล้านบาร์เรล ทางด้านโพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล